วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

ถ้ำผานางคอย ถ้ำแห่งตำนานรัก



t13
อรัญญานี..จะคอยพี่…อยู่ที่นี่

แม้ร้อยปี….นานเท่านาน….ยังคงหวัง
ขอเฝ้าคอย…แม้จะสิ้น….ลมพลัง
ชาติหน้ายัง…คงคอยพี่…อยู่ที่เดิม


ถ้ำผานางคอยอยู่ที่บ้านผาหมู อำเภอร้องกวาง เป็นถ้ำธรรมชาติขนาดใหญ่นี้มีความสวยงาม มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ถ้ำนางคอย ปัจจุบันจึ่งมักนิยมเรียกว่า ถ้ำผานางคอย ตัวถ้ำอยู่บนผาสูงประมาณ 50 เมตร หน้าถ้ำมีลานหินกว้าง ตัวถ้ำมีความลึก ที่มีลักษณะยาวขนานไปในระดับพื้นดินประมาณ 150 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร ภายในถ้ำเป็นพี้นดินเรียบ บางตอนมีเหวลึก ผนังถ้ำมีหินงอก หินย้อยที่สวยงาม ส่งแสงสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ เมื่อต้องแสงสว่างไปตลอดความยาวของถ้ำ เมื่อเกือบถึงปากสุดของถ้ำที่ทะลุมีทางออกกว้าง ปริเวณกลางถ้ำมีหินงอกขนาดใหญ่มีลักษณะคล้ายผู้หญิงอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน เรียกว่า ผานางคอย เป็นจุดสำคัญของถ้ำนี้





ตำนานของถ้ำนี้เป็นที่เล่าขนานกันมานานแล้วไม่แพ้กับตำนาน ของพระลอ เลยละครับ เนื้อจากตำนานนี้มีมานาน จึงทำให้การกล่าวขานของตำนานนี้ถูกแปรเปลี่ยนไป จากปากต่อปากจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งพอจะหาได้คราวๆ ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้


ตำนานที่ ๑

ณ ถ้ำแห่งนี้เองที่มีตำนานความรักระหว่างทหารต่ำศักดิ์กับเจ้าหญิง(เจ้านาง)สูงศักดิ์คู่หนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ พ.ศ.1700 อาณาจักรแสนหวีมีความเจริญรุ่งเรืองมาก(สันนิษฐานว่าแสนหวีในที่นี้คือแสนหวีที่สิบสองปันนาหรือที่เชียงรุ่ง ไม่ใช่แสนหวีหลวงเมืองเงี้ยว) กษัตริย์ปกครองอย่างสงบสุข พระองค์ทรงมีราชธิดาองค์หนึ่งมีสิริโฉมงดงามมาก มีน้ำพระทัยดี มีพระนามว่า เจ้าหญิงอรัญญานี ครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงได้เสด็จโดยชลมารคแล้วเรือล่ม หัวหน้าฝีพายได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงไว้ได้ ทั้งสองจึงเกิดรักกัน จนเจ้าหญิงทรงครรภ์ พระราชบิดาทราบเรื่องก็ทรงพิโรธ จึงได้ขังเจ้าหญิงไว้ แต่ฝ่ายชายก็หาโอกาสช่วยพาหนีลงมาทางใต้ โดยมีกองทหารไล่ตามอย่างกระชั้นชิด เมื่อมาทันที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เจ้าหญิงถูกยิงด้วยธนู ฝ่ายชายจึงพาไปหลบซ่อนในถ้ำเพื่อรักษาพยาบาล เจ้าหญิงเห็นว่าทหารกำลังตามมา จึงให้ฝ่ายชายหนีไปก่อน และบอกว่าจะคอยฝ่ายชายอยู่ในถ้ำนี้ตลอดไป ถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่า ถ้ำผานางคอย หรือถ้ำนางคอย

ตำนานที่ ๒

อีกตำนานบอกว่า หัวหน้าฝีพายพานางหนีไปอยู่ในถ้ำ และออกไปหาอาหาร เคราะห์ร้ายทหารตามมาพบและจัดการสังหารเขาเสีย องค์หญิงรู้ว่า สามีคงเสียชีวิตแล้ว จึงตั้งอธิษฐานว่า จะรอคอยให้สามีกลับมาตลอดไป ด้วยอานุภาพสัจจะ นางจึงกลายเป็นหิน เงยหน้ามองปากถ้ำ รอคอยการกลับมาของชายคนรักจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้.



ตำนานที่ ๓

อีกตำนานบอกว่า เมื่อเจ้าครองนครทรงทราบก็สั่งให้ทหารออกติดตามคนทั้งสอง ทหารขี่ม้าทันทั้งสองคนที่ซอกเขาแห่งหนึ่ง และยิงธนูไปหมายจะเอาชีวิตชายหนุ่ม แต่ธนูพลาดไปถูกนางอรัญญนีได้รับบาดเจ็บสาหัส สามีของนางจึงพานางเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในถ้ำ นางอรัญญนีรู้ตัวว่า คงไม่รอดชีวิต จึงขอร้องให้สามีหนีเอาตัวรอดโดยให้สัญญาว่าจะรออยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ตลอดไป ชาย หนุ่มจึงจำใจต้องจากไปตามคำขอร้องของนาง ส่วนนางอรัญญนีก็นั่งมองดูสามีควบม้าหนีห่างไปจนลับตา และสิ้นใจตายอยู่ในถ้ำแห่งนั้นลานที่นางนั่งดูสามีควบม้าจากไปนั้น ต่อมาเรียกว่า ลาน นางคอย ส่วนถ้ำแห่งนั้นก็ได้ชื่อว่า ถ้ำผานาง




ปัจจุบันจากนโยบายของนายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ ได้เข้าพัฒนาปรับปรุงบริเวณถ้ำทั้งภายในและภายนอกทั้งหมด โดยเฉพาะบริเวณจุดสำคัญตามตำนานต่างๆ ภายในถ้ำผานางคอย ได้พัฒนาให้ถ้ำมีชีวิต จัดทำทางเดินเพื่อความสะดวกของนักท่องเที่ยว เพิ่มระบบแสงสีสัน เกิดความสวยงามเสริมจากธรรมชาติสร้าง พร้อมทั้งสร้างระบบน้ำเลียนธรรมชาติ จนเกิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ทางธรรมชาติแห่งใหม่ของจังหวัดแพร่ โดยนายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ กล่าวว่า ถ้ำผานางคอยในอดีตเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดแพร่ ต่อมาระยะหลังช่วงสิบปีที่ผ่านมาถูกละเลย จนได้รับโอนมาอยู่ในความดูแลของ อบจ.แพร่ จึงต้องการให้กลับมามีสำคัญเหมือนเช่นอดีตอีกครั้งหนึ่ง และเกิดความยั่งยืนตอลดไป

t1

จุดสำคัญต่าง ๆ ในถ้ำผานางคอย
1. คูหาสวรรค์วิเศษ สถานที่แสนสวยงาม และปลอดภัยที่พระนางอรัญญณี (นางคอย) ใช้เป็นที่สถิต เพื่อรอคอยพระสวามรด้วยความรักอันมั่นคง

t2

2. เทพอารักษ์นครา ดินแดนเหล่าเทพยาดาผู้คอยปกป้องนางอรัญญณี และลูกน้อย

t3

3. นาคาสถิต สถานที่สถิตขององค์นาคา ผู้รักษาดินแดนของพระนางอรัญญณี
t4

4. งามพิศอนงค์สนาน ธารน้ำใสสะอาดสวยงามที่ไหลมาจากสรวงสวรรค์ พระนางอรัญญณีใช้เป็นที่ชำระร่างกาย
t5
5. หิมพานต์วิจิตร ภาพเนรมิตที่เหล่าเทพยาดาประทานให้กับพระนางอรัญญณี ได้ชื่นชมเพื่อความรื่นรมย์คลายทุกข์โศก
t6

6. เนรมิตม่านแก้ว ม่านแก้วที่วิจิตรงดงามที่เหล่าเทพยาดาได้เนรมิตประดับไว้ในคูหาสวรรค์แห่งนี้

t7

7. มรกตเพริดแพร้ววิจิตรา อัญมณีอันล้ำค่าแหล่งกำเนิดพลังจากสวรรค์ที่เทประทานให้แก่มวลมนุษย์
t8

8. บูชาพระมุนี สถานที่บำเพ็ญตะบะขององค์พระฤาษีประจำคูหาสวรรค์

t9

9. นทีชลเนตร สถานที่พระนางอรัญญณีร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกโทมนัสหลั่งล้นชลเนตรดั่งสายนที

t10

10. ธานเทพอธิษฐาน ธานทิพย์จากสวรรค์ ที่เป็นสื่อรับรู้ความรักความโทมนัสและคำอธิษฐานของพระนางอรัญญณี

t11

11. คชสารพิทักษ์ โคลงช้างที่คอยปกป้องดินแดนแห่งความรักของพระนางอรัญญณี

t12

12. ลานรักพระนาง ห้องโถงและห้องบรรทมที่พระนางอรัญญณีใช้เป็นที่ฟูมฟักทะนุถนอมลูกน้อยด้วยความรัก เพื่อรอคอยพระสวามีอันเป็นที่รัก

t13

13. อลังการแห่งรักอรัญญณี ปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ของพระนางอรัญญณีที่อุ้มลูกน้อยรอคอยสามีอันเป็นที่รัก ด้วยแรงอธิษฐานจนกลายเป็นหินสถิตย์อยู่ในคูหาสวรรค์แห่งนี้


วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010

เคทีซีจับมือบิ๊กสมาคมท่องเที่ยวชวนผู้ประกอบการลั่นฆ้องเปิดเวที “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010” มหกรรมท่องเที่ยวยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


เคทีซีร่วมกับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และไทย - อะมาดิอุส ประกาศจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010” (Thai International Travel Fair 2010) ระหว่างวันที่ 25 - 28 กุมภาพันธ์ 2553 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมอัดฉีดงบการตลาดถึง 20 ล้านบาท ด้วยพื้นที่จัดงานขนาดยักษ์ถึง 20,000 ตารางเมตร กับบูธผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศถึง 1,120 ราย ที่ร่วมกันมอบข้อเสนอส่วนลดและสิทธิพิเศษด้านการเดินทางและท่องเที่ยวแบบเต็มพิกัด ทั้งแพ็คเกจทัวร์ โรงแรมและ ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ สะดวกสบายกับสินเชื่อเพื่อการเดินทางและท่องเที่ยว สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับบูธฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ครั้งแรกในเมืองไทย และรับไมล์สะสมสูงสุดถึง 50,000 ไมล์ เมื่อใช้จ่ายในงานผ่านบัตรเครดิต “เคทีซี - รอยัล ออร์คิด พลัส” เพื่อร่วมฉลองการบินไทยครบรอบ 50 ปี พร้อมร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท คาดมีผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีตลอด 4 วัน รวม 280 ล้านบาท
นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายการตลาดเพื่อการสันทนาการ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซีได้ร่วมสนับสนุนการจัดงานมหกรรมท่องเที่ยว “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” อย่างต่อเนื่อง เป็นครั้งที่ 5 และในปีนี้เคทีซีได้จัดสรรงบการตลาดถึง 20 ล้านบาท เพื่อให้สมาชิกเคทีซีและผู้รักการเดินทางที่มาในงานได้รับสิทธิพิเศษด้านการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศอย่างครบวงจรและคุ้มค่าที่สุด โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวชั้นนำกว่า 1,120 ราย อาทิ องค์กรส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว สายการบิน บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รีสอร์ททั้งในและต่างประเทศ รถเช่า เรือ อุปกรณ์ท่องเที่ยว ร้านค้าของฝากของที่ระลึก สินค้าโอท็อปทั่วทุกภูมิภาค มาร่วมกันออกบูธบนพื้นที่จัดงานในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ถึง 20,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์จะมาร่วมจัดกิจกรรมสนุกสนานและสร้างสีสันภายในงาน พร้อมร่วมฉลองครบรอบ 50 ปีกับการบินไทย สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี - รอยัล ออร์คิด พลัส ทุกประเภท สามารถเลือกซื้อแพ็คเกจพิเศษกว่า 50 รายการ และรับไมล์สะสมสูงสุดถึง 50,000 ไมล์ ที่เคทีซี อาร์โอพี พาวิลเลี่ยน (KTC ROP Pavilion)”

“สำหรับสมาชิกเคทีซี นอกจากจะได้รับส่วนลดในการจองโรงแรม แพ็คเกจท่องเที่ยว และตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกมากมาย อาทิ 1) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีและสินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยวภายในงาน สามารถนำเซลล์สลิปแลกรับของรางวัลทันที เช่น ใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป รับบัตรรับประทานอาหารที่เอ็มเค เรสโตรองต์ มูลค่า 200 บาท 1 ใบ หรือเมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป รับกระเป๋าเดินทางล้อลาก G2000 มูลค่า 3,500 บาท 1 ใบ และเมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 150,000 บาท ขึ้นไป รับกระเป๋าล้อลาก Hard Case Traveler 28 นิ้ว มูลค่า 5,590 บาท 2) นำคะแนนสะสม KTC Forever Rewards แลกรับสินค้าและบริการด้านการเดินทางท่องเที่ยวในงานได้ก่อนใคร 3) เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีภายในงาน บวกคะแนนสะสม KTC Forever Rewards รับสิทธิร่วมกิจกรรมที่ “เคทีซี โฟโต้ โซน” ซึ่งเคทีซีร่วมกับบิ๊ก คาเมร่า ให้สมาชิกบันทึกภาพตนเองบนปกนิตยสารชื่อดัง 4) บริการสินเชื่อพร้อมใช้เพื่อการเดินทางและท่องเที่ยวโดยเฉพาะ”
“นอกจากนี้ เคทีซียังได้เตรียมเครื่องรูดบัตร (EDC) สำหรับผู้ประกอบการที่มาร่วมออกบูธภายในงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ รวมถึงผู้ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีภายในงาน ยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรอีกด้วย เคทีซีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมจัดงานมหกรรมท่องเที่ยว “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010” จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยกระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี และคาดว่าตลอด 4 วันในการจัดงาน จะมีสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีมากถึง 280 ล้านบาท โดยงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 25 - วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก”





Summer Days Package ที่สยามเบย์ชอร์ รีสอร์ท และ สปา พัทยา


กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--โรงแรมสยามซิตี แอนด์ รีสอร์ท



สนุกกับบรรยากาศที่เป็นมิตรด้วยแพ็กเกจ Summer Days Package ใหม่ ต้อนรับฤดูกาลนี้ กับข้อเสนอสุดพิเศษ...ห้องพักระดับดีลักซ์ สำหรับผู้ใหญ่ 2 ท่าน และเด็ก 2 ท่าน พร้อมด้วยอาหารเย็นที่เราได้จัดเตรียมไว้สำหรับคุณหนูๆ และกิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วย นอกจากนั้น ยังได้รับของว่างและเครื่องดื่มไว้คอยต้อนรับ ผลไม้และดอกไม้ภายในห้องพัก เตียงเสริมสำหรับเด็กๆ ตลอดจนอาหารเช้าสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และฟรีไอศกรีมซันเดย์สำหรับเด็กอีกด้วย ส่วนลด 20% สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม (ยกเว้นที่มินิบาร์ และการบริการอาหารในห้องพัก) รวมถึงยังสามารถ “ เลทเช็คเอ้าท์ ” ได้อีกด้วย

“มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน ร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดโครงการ “มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน” ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวนอกฤดูกาลหรือ Green Season เป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนในช่วง Green Season ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน 2553 ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอนในช่วง 4 เดือนนี้ สามารถรับส่วนลดพิเศษ ตั้งแต่ 10 – 60 % และสิทธิพิเศษอื่นๆ จากผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่เข้าร่วมโครงการฯ

นายชาญวิทย์ นาคะสุวรรณ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอนเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในช่วงฤดูหนาว แต่แท้จริงแล้ว จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังมีศักยภาพและความพร้อมในการที่จะรองรับและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความงามตามธรรมชาติของผืนป่า อันเขียวขจี ทิวทัศน์อันสวยงาม นาขั้นบันไดที่ปกคลุมด้วย ไอหมอกฤดูฝนทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนฤดูฝนมีความสวยงามไม่แพ้ฤดูหนาว นักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางมาสัมผัสความเป็นธรรมชาติ ความเขียวสดชื่นของแม่ฮ่องสอน กิจกรรมการท่องเที่ยวแบบผจญภัย อาทิเช่น ล่องแก่งแม่น้ำปาย การเรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของชนเผ่าต่าง ๆ ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอนกำหนดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลหรือ Green Season ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดย ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ได้รับความร่วมมือและ การสนับสนุนจากหน่วยงานและผู้ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวสาขาต่าง ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมให้ส่วนลดราคา ที่พัก และรายการนำเที่ยว รวมถึงการรับของที่ระลึกจาก ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ภายใต้เงื่อนไข 3+2 กล่าวคือ การร่วมใช้บริการจากสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ 3 แห่งในอำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า อำเภอขุนยวม อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย ร่วมกับการใช้บริการจากสถานประกอบการในอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อีก 2 แห่ง รวมเป็น 5 แห่ง พร้อมกับประทับตราที่คูปองด้านหลังคู่มือ Green Season แม่ฮ่องสอน เงื่อนไขดังกล่าวภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 นี้ เท่านั้น

ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ขอเชิญชวนท่านเข้าร่วมสัมผัสธรรมชาติของจังหวัดแม่ฮ่องสอนฤดูฝนกับโครงการ “มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน” สามารถรับคู่มือได้ที่ ททท.สำนักงานสาขาในประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร.053 – 612982 – 3 www.travelmaehongson.org

ชม"ว่านเพชรหึง"ราชาแห่งกล้วยไม้ที่สวนพฤกษ์

องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสความสวยงามอันหน้ามหัศจรรย์ของ “ว่านเพชรหึง” กล้วยไทยที่มีลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ณ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นแหล่งอนุรักษ์และรวบรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทยที่หายากและใกล้สูญพันธุ์นานาชนิด รวมถึง “ว่านเพชรหึง” กล้วยไทยที่มีลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก ดอกออกเป็นช่อ ยาวได้ถึง 2 เมตร กลีบดอกพื้น สีเหลืองหม่น และมีประสีน้ำตาลแกมม่วงกระจายทั่วกลีบ หากดูไปแล้วสีสันของดอก ดูคล้ายกับลายเสือดาว จึงมีชื่อสามัญว่า “Tiger Orchid” ซึ่งในขณะนี้กำลังชูช่อดอก รอให้ทุกท่านได้เข้ามาสัมผัสความสวยงามที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้าง โดยทุกท่านสามารถเข้าชมได้ทุกวัน

 
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ 0-5384-1234 และ www.qsbg.org