วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010

เคทีซีจับมือบิ๊กสมาคมท่องเที่ยวชวนผู้ประกอบการลั่นฆ้องเปิดเวที “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010” มหกรรมท่องเที่ยวยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


เคทีซีร่วมกับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และไทย - อะมาดิอุส ประกาศจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010” (Thai International Travel Fair 2010) ระหว่างวันที่ 25 - 28 กุมภาพันธ์ 2553 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมอัดฉีดงบการตลาดถึง 20 ล้านบาท ด้วยพื้นที่จัดงานขนาดยักษ์ถึง 20,000 ตารางเมตร กับบูธผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศถึง 1,120 ราย ที่ร่วมกันมอบข้อเสนอส่วนลดและสิทธิพิเศษด้านการเดินทางและท่องเที่ยวแบบเต็มพิกัด ทั้งแพ็คเกจทัวร์ โรงแรมและ ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ สะดวกสบายกับสินเชื่อเพื่อการเดินทางและท่องเที่ยว สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับบูธฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ครั้งแรกในเมืองไทย และรับไมล์สะสมสูงสุดถึง 50,000 ไมล์ เมื่อใช้จ่ายในงานผ่านบัตรเครดิต “เคทีซี - รอยัล ออร์คิด พลัส” เพื่อร่วมฉลองการบินไทยครบรอบ 50 ปี พร้อมร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท คาดมีผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีตลอด 4 วัน รวม 280 ล้านบาท
นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายการตลาดเพื่อการสันทนาการ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซีได้ร่วมสนับสนุนการจัดงานมหกรรมท่องเที่ยว “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” อย่างต่อเนื่อง เป็นครั้งที่ 5 และในปีนี้เคทีซีได้จัดสรรงบการตลาดถึง 20 ล้านบาท เพื่อให้สมาชิกเคทีซีและผู้รักการเดินทางที่มาในงานได้รับสิทธิพิเศษด้านการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศอย่างครบวงจรและคุ้มค่าที่สุด โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวชั้นนำกว่า 1,120 ราย อาทิ องค์กรส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว สายการบิน บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รีสอร์ททั้งในและต่างประเทศ รถเช่า เรือ อุปกรณ์ท่องเที่ยว ร้านค้าของฝากของที่ระลึก สินค้าโอท็อปทั่วทุกภูมิภาค มาร่วมกันออกบูธบนพื้นที่จัดงานในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ถึง 20,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์จะมาร่วมจัดกิจกรรมสนุกสนานและสร้างสีสันภายในงาน พร้อมร่วมฉลองครบรอบ 50 ปีกับการบินไทย สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี - รอยัล ออร์คิด พลัส ทุกประเภท สามารถเลือกซื้อแพ็คเกจพิเศษกว่า 50 รายการ และรับไมล์สะสมสูงสุดถึง 50,000 ไมล์ ที่เคทีซี อาร์โอพี พาวิลเลี่ยน (KTC ROP Pavilion)”

“สำหรับสมาชิกเคทีซี นอกจากจะได้รับส่วนลดในการจองโรงแรม แพ็คเกจท่องเที่ยว และตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกมากมาย อาทิ 1) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีและสินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยวภายในงาน สามารถนำเซลล์สลิปแลกรับของรางวัลทันที เช่น ใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป รับบัตรรับประทานอาหารที่เอ็มเค เรสโตรองต์ มูลค่า 200 บาท 1 ใบ หรือเมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป รับกระเป๋าเดินทางล้อลาก G2000 มูลค่า 3,500 บาท 1 ใบ และเมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 150,000 บาท ขึ้นไป รับกระเป๋าล้อลาก Hard Case Traveler 28 นิ้ว มูลค่า 5,590 บาท 2) นำคะแนนสะสม KTC Forever Rewards แลกรับสินค้าและบริการด้านการเดินทางท่องเที่ยวในงานได้ก่อนใคร 3) เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีภายในงาน บวกคะแนนสะสม KTC Forever Rewards รับสิทธิร่วมกิจกรรมที่ “เคทีซี โฟโต้ โซน” ซึ่งเคทีซีร่วมกับบิ๊ก คาเมร่า ให้สมาชิกบันทึกภาพตนเองบนปกนิตยสารชื่อดัง 4) บริการสินเชื่อพร้อมใช้เพื่อการเดินทางและท่องเที่ยวโดยเฉพาะ”
“นอกจากนี้ เคทีซียังได้เตรียมเครื่องรูดบัตร (EDC) สำหรับผู้ประกอบการที่มาร่วมออกบูธภายในงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ รวมถึงผู้ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีภายในงาน ยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรอีกด้วย เคทีซีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมจัดงานมหกรรมท่องเที่ยว “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010” จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยกระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี และคาดว่าตลอด 4 วันในการจัดงาน จะมีสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีมากถึง 280 ล้านบาท โดยงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 25 - วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก”





Summer Days Package ที่สยามเบย์ชอร์ รีสอร์ท และ สปา พัทยา


กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--โรงแรมสยามซิตี แอนด์ รีสอร์ท



สนุกกับบรรยากาศที่เป็นมิตรด้วยแพ็กเกจ Summer Days Package ใหม่ ต้อนรับฤดูกาลนี้ กับข้อเสนอสุดพิเศษ...ห้องพักระดับดีลักซ์ สำหรับผู้ใหญ่ 2 ท่าน และเด็ก 2 ท่าน พร้อมด้วยอาหารเย็นที่เราได้จัดเตรียมไว้สำหรับคุณหนูๆ และกิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วย นอกจากนั้น ยังได้รับของว่างและเครื่องดื่มไว้คอยต้อนรับ ผลไม้และดอกไม้ภายในห้องพัก เตียงเสริมสำหรับเด็กๆ ตลอดจนอาหารเช้าสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และฟรีไอศกรีมซันเดย์สำหรับเด็กอีกด้วย ส่วนลด 20% สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม (ยกเว้นที่มินิบาร์ และการบริการอาหารในห้องพัก) รวมถึงยังสามารถ “ เลทเช็คเอ้าท์ ” ได้อีกด้วย

“มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน ร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดโครงการ “มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน” ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวนอกฤดูกาลหรือ Green Season เป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนในช่วง Green Season ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน 2553 ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอนในช่วง 4 เดือนนี้ สามารถรับส่วนลดพิเศษ ตั้งแต่ 10 – 60 % และสิทธิพิเศษอื่นๆ จากผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่เข้าร่วมโครงการฯ

นายชาญวิทย์ นาคะสุวรรณ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอนเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในช่วงฤดูหนาว แต่แท้จริงแล้ว จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังมีศักยภาพและความพร้อมในการที่จะรองรับและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความงามตามธรรมชาติของผืนป่า อันเขียวขจี ทิวทัศน์อันสวยงาม นาขั้นบันไดที่ปกคลุมด้วย ไอหมอกฤดูฝนทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนฤดูฝนมีความสวยงามไม่แพ้ฤดูหนาว นักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางมาสัมผัสความเป็นธรรมชาติ ความเขียวสดชื่นของแม่ฮ่องสอน กิจกรรมการท่องเที่ยวแบบผจญภัย อาทิเช่น ล่องแก่งแม่น้ำปาย การเรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของชนเผ่าต่าง ๆ ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอนกำหนดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลหรือ Green Season ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดย ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ได้รับความร่วมมือและ การสนับสนุนจากหน่วยงานและผู้ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวสาขาต่าง ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมให้ส่วนลดราคา ที่พัก และรายการนำเที่ยว รวมถึงการรับของที่ระลึกจาก ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ภายใต้เงื่อนไข 3+2 กล่าวคือ การร่วมใช้บริการจากสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ 3 แห่งในอำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า อำเภอขุนยวม อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย ร่วมกับการใช้บริการจากสถานประกอบการในอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อีก 2 แห่ง รวมเป็น 5 แห่ง พร้อมกับประทับตราที่คูปองด้านหลังคู่มือ Green Season แม่ฮ่องสอน เงื่อนไขดังกล่าวภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 นี้ เท่านั้น

ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ขอเชิญชวนท่านเข้าร่วมสัมผัสธรรมชาติของจังหวัดแม่ฮ่องสอนฤดูฝนกับโครงการ “มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน” สามารถรับคู่มือได้ที่ ททท.สำนักงานสาขาในประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร.053 – 612982 – 3 www.travelmaehongson.org

ชม"ว่านเพชรหึง"ราชาแห่งกล้วยไม้ที่สวนพฤกษ์

องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสความสวยงามอันหน้ามหัศจรรย์ของ “ว่านเพชรหึง” กล้วยไทยที่มีลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ณ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นแหล่งอนุรักษ์และรวบรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทยที่หายากและใกล้สูญพันธุ์นานาชนิด รวมถึง “ว่านเพชรหึง” กล้วยไทยที่มีลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก ดอกออกเป็นช่อ ยาวได้ถึง 2 เมตร กลีบดอกพื้น สีเหลืองหม่น และมีประสีน้ำตาลแกมม่วงกระจายทั่วกลีบ หากดูไปแล้วสีสันของดอก ดูคล้ายกับลายเสือดาว จึงมีชื่อสามัญว่า “Tiger Orchid” ซึ่งในขณะนี้กำลังชูช่อดอก รอให้ทุกท่านได้เข้ามาสัมผัสความสวยงามที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้าง โดยทุกท่านสามารถเข้าชมได้ทุกวัน

 
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ 0-5384-1234 และ www.qsbg.org

ล่องเรือชมโลมาอิรวดี ที่แหลมกลัด จ.ตราด

แหลมกลัดตั้งอยู่ทางทิศใต้ของตัวเมืองตราด มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขาเลียบชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย ประชาชนตั้งบ้านเรือนอยู่กระจัดกระจายในพื้นที่ มีสิ่งที่เป็นจุดเด่น คือ หาดลานทราย เป็นชายหาดที่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล มีเม็ดทรายขาวละเอียด บริเวณหน้าหาดน้ำไม่ลึกมาก สามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน จากแหลมกลัดสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของแหลมศอกได้

การชมโลมา


โลมาที่พบในอ่าวแหลมกลัด เป็นโลมาชนิดหัวบาตร พันธุ์อิระวดี จะเข้ามาหากินปลาทูบริเวณชายฝั่งของแหลมกลัด เนื่องจากช่วงนี้จะมีปลาทูมาศัยอยู่มากในบริเวณนี้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม จะพบเห็นโลมาเป็นฝูง ๆ ละประมาณ 5 – 10 ตัว บางฝูงก็จะมีลูกมาด้วย ส่วนโลมาปากขวดนาน ๆ จะว่ายเข้ามาให้เห็น

การเดินทางออกไปชมจะต้องนั่งเรือออกไปจากฝั่งประมาณ 2 – 3 ไมล์ทะเลก็จะได้พบเห็นโลมาซึ่งนักท่องเที่ยวอาจใช้บริการเรือประมง เรือเร็ว หรือเรือขนาดเล็กไปเที่ยวชมได้โดยไม่มีอันตราย เนื่องจากอยู่ใกล้ฝั่ง และมีเกาะช้างบังกระแสลม ทำให้คลื่นไม่แรง สำหรับการชมปลาถ้าต้องการให้ปลาเข้ามาใกล้เรือควรมีเหยื่อปลาทูสดติดไปด้วย เพื่อให้โลมาว่ายมากินเหยื่อใกล้เรือ ข้อดีก็คือ ไม่ต้องออกเรือวิ่งตามปลา ใบจักรเรืออาจทำอันตรายต่อปลาได้ และไม่ทำให้ปลาตกใจจากการชม แต่ข้อเสีย ก็คืออาจทำให้โลมาเคยตัวจากการให้อาหาร และอาจมีความขัดแย้งกับชาวประมงที่จับปลาทูในบริเวณนั้น


เรื่องการระวังรักษาความปลอดภัย ทางเทศบาลได้ดำเนินการออกกฎเทศบัญญัติของเทศบาลในเรื่องการให้บริการการชมปลาโลมา อาทิ เรื่องเสื้อชูชีพ เรื่องการจอดเรือชมปลาโลมา เป็นต้น ส่วนเรื่องการอนุรักษ์ เทศบาลแหลมกลัดและชาวประมงในพื้นก็จะต้องช่วยกันดูแล เพื่อให้โลมาอยู่คู่กับชาวแหลมกลัด มิให้สูญพันธุ์ไปเหมือนกับปลาพยูนที่เคยอาศัยอยูในพื้นที่ของแหลมกลัด


การให้บริการและการติดต่อเพื่อการชมโลมา


ติดต่อเทศบาลแหลมกลัด โทร.039 584233, 089 9361198 หรือ นายอดิศร จันทะวัน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเทศบาลแหลมกลัด โทร. 08 7774 1299 เวลาที่เหมาะสมในการไปชม คือ เวลา 08.00 – 10.00 น. อัตราค่าบริการท่านละ 400 บาท กลุ่มละ 8 คนต่อเรือ 1 ลำ นอกจากนี้ในตอนเย็น 18.00 น.ก็จะมีบริการนั่งเรือชมป่าชายเลน ยามค่ำชมหิ่งห้อย คิดค่าบริการท่านละ 200 บาท ต่อ 6 ท่าน เรือ 1 ลำ



การเดินทางไปแหลมกลัด


แหลมกลัดอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดตราด ประมาณ 32 กิโลเมตร ไปทางทิศใต้ตามถนนสายตราด - อ.คลองใหญ่ แล้วเลี้ยวขวาเข้า ต.แหลมกลัด มีรถยนต์โดยสารทุกวัน การคมนาคมสะดวกสบาย

 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม


ททท.สำนักงานตราด 100 หมู่ 1 ถ.ตราด-แหลมงอบ ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด โทร. 0 3959 7259-60 อีเมล: tattrat@tat.or.th

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมผจญภัยบนเส้นสลิง ที่ทองผาภูมิ

กิจกรรม Iyara Flying ( การผจญภัยบนเส้นสลิง )


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ภูไอยรา รีสอร์ทจัดกิจกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยเหนือขีดจำกัด พร้อมสัมผัสมุมมองที่แตกต่างระดับยอดเขา กิจกรรม Iyara Flying คือ การเดินทางท้าทายความสูงด้วยสลิง เพื่อทดสอบความกล้า ท้าทายความกลัว ด้วยอุปกรณ์ที่ได้มาตราฐานระดับสากลทุกชิ้นที่นิยมใช้กันทั่วโลก พร้อมทีมงานมืออาชีพที่ผ่านการเรียนและฝึกมาอย่างเชี่ยวชาญคอยดูแล


การผจญภัยมีทั้งหมด 11 ฐาน


1. โหนรอกข้ามหุบเขา ระยะทาง 130 เมตร (Zip Line ) บนระดับความสูง 290 เมตร จากระดับน้ำทะเล (ความเสียวระดับ 5 ความเร้าใจระดับ 5)


2. เดินสะพานไม้ซิกแซ๊กที่แขวนไว้บนเส้นสลิงค์ (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


3. เดินสะพานไม้แบบขวางแกว่งไปมาบนเส้นสลิงค์ (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


4. เดินสะพานไม้แนวตะแคง ที่ร้อยด้วยเชือกผูกติดกับสลิงค์ (ความเสียวระดับ 4 ความยากระดับ 4 )


5. ไต่เชือกตาข่าย (Spider) (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


6. สะพานเชือก 360 องศา (ความเสียวระดับ 2 ความยากระดับ 4-5)


7. ไต่เชือกตาข่าย (Spider) (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


8. กระโดดภูเขาโหนรอกไปยังต้นไม้สูงกว่า 80 เมตร (Sky Jumping) (ความเสียวระดับ 5 ความเร้าใจระดับ 5)


9. โหนรอกข้ามหุบเขาเพื่อเปลี่ยนต้นไม้ ระยะทาง 100 เมตร (Zip Line) (ความเสียวระดับ 5 ความเร้าใจระดับ 5)


10. ไต่บันไดลิง (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


11. โหนรอกข้ามหุบเขาในความสูงกว่า 80 เมตร ระยะทาง 140 เมตร (Zip Line) เพื่อกลับมายังจุดเริ่มต้น (ความเสียวระดับ 5 ความเร้าใจระดับ 5)



นอกจากนี้ยังพบกับกิจกรรมผจญภัยมากมายอาทิ ผจญภัยฝ่าสายน้ำห้วยปากคอก แคมปิ้งที่แคมป์ช้าง ผจญภัยเส้นทาง ATV แคมปิ้งที่น้ำโจน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3468 5632 หรือ www.phuiyararesort.com

งานวันเกิด ครบรอบ 51 ปี ข้าวหอมมะลิ

งานวันเกิด ครบรอบ 51 ปี ข้าวหอมมะลิ



วันที่ 25 พฤษภาคม 2553


ณ บึงพลาญชัย จังหวัดหวัดร้อยเอ็ด


ขอเชิญร่วมงาน Happy Birthday ข้าวขาวดอกมะลิจังหวัดร้อยเอ็ด

นายธวัชชัย ฟักอังกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้กำหนดจัดงาน “วันเกิด ครบรอบ 51 ปี ข้าวหอมมะลิ” ขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 ณ บึงพลาญชัย จังหวัดหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
ข้าวหอมมะลิ หรือข้าวขาวดอกมะลิ เป็นพันธ์ข้าวที่คณะกรรมการพิจารณาข้าวมีมติ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2502 ประกาศเป็นพันธุ์ข้าวที่แนะนำและส่งเสริมให้ปลูกในพื้นที่ต่างๆ ทำให้เกษตรกรในจังหวัดร้อยเอ็ดนิยมปลูก และสร้างรายได้กว่า 9 พันล้านต่อปี ดังนั้น จังหวัดร้อยเอ็ดจึงได้จัดงานวันเกิดครบรอบ 51 ปี เพื่อประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิร้อยเอ็ดให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยในงานประกอบด้วย การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 101 รูป การมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ การแสดงนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับข้าวหอมมะลิ การแสดงศิลปวัฒนธรรม การจำหน่ายข้าวหอมมะลิ และรับประทานข้าวหอมมะลิ – ไข่เจียวฟรี


จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมชมงานดังกล่าวได้ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 ณ บึงพลาญชัย อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด โทรศัพท์ 043 – 527117, 043 – 515374


อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม


เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวสบายๆ ชายทะเลสัตหีบ ฉบับนี้ก็มาต่อกันอีกสักหน่อยสำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่ของทหารเรือบริเวณฐานทัพเรือสัตหีบและใกล้เคียง สำหรับครอบครัวที่พาเด็กๆไปเที่ยวไปพักผ่อน ผมอยากจะแนะนำให้แวะไปเที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ซึ่งตั้งอยู่ภายในหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจด้านอนุรักษ์เต่าทะเลของกองทัพเรือมายาวนานมาตั้งแต่ พ.ศ.2493 โดยพื้นที่เกาะต่างๆในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ ที่ไม่มีประชาชนอาศัยอยู่เช่นเกาะคราม และเกาะอื่นๆ ซึ่งยังคงมีความเป็นธรรมชาตินั้นเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเล ในอดีตจะมีชาวประมงขึ้นไปลักลอบเก็บไข่เต่าขึ้นมาขาย ทำให้จำนวนของเต่าทะเลตามธรรมชาติลดลง และหากรอดเหลือจากการลักลอบเก็บ ไข่เต่าทะเลก็ยังเสี่ยงที่จะตกเป็นอาหารของตะกวดและสัตว์อื่นๆ เพื่อเป็นการช่วยให้เต่าทะเลเหลือรอด ทางกองทัพเรือจึงจัดเจ้าหน้าตรวจตราดูแล และทำการเก็บไข่เต่าจากหลุมทรายในธรรมชาติขึ้นมาฟักในหลุมทรายในพื้นที่ปลอดภัย เพื่ออนุบาลให้ลูกเต่าที่เกิดมาแข็งแรงแล้วปล่อยคืนกลับสู่ท้องทะเล


บริเวณศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลจะมีอาคารนิทรรศการที่จัดแสดงเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของเต่าทะเล และยังมีบ่ออนุบาลเต่าทะเล ซึ่งมีเต่าทะเลชนิดต่างๆ มีตั้งแต่ตัวเล็กจิ๋วไปจนถึงเต่าทะเลตัวขนาดใหญ่ ไว้ให้เด็กๆและผู้สนใจได้เข้าไปเที่ยวชมอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางกองทัพเรือเขาเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันส่วนใครจะบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเป็นเงินทุนซื้ออาหารให้เต่าทะเลก็สามารถหยอดที่ตู้รับบริจาคได้ตามอัธยาศัย

พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติอีกแห่งของกองทัพเรือที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปเที่ยวชมก็คืออุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางใต้ของอำเภอสัตหีบ อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะแสมสาร ห่างจากฝั่งราว 9 กิโลเมตร ลักษณะของเกาะมีรูปทรงคล้ายกับตัว H มีโค้งอ่าวสองด้านโค้งเข้าหากัน ด้านหนึ่งเป็นหาดทรายขาวสวยงาม เหมาะสำหรับการเล่นน้ำและดำน้ำดูปะการัง ส่วนอีกด้านเป็นหาดกรวดหินไม่สามารถเล่นน้ำได้ เกาะขามแห่งนี้ทางกองเรือป้องกันฝั่ง ได้จัดทำโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเลและดำเนินโครงการอุทยานใต้ทะเลพื้นที่สัตหีบและบริเวณใกล้เคียง โดยกำหนดพื้นที่บริเวณเกาะขามขึ้นเป็นเป้าหมายแรก ด้วยเกาะขามเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมเพราะอยู่ไม่ไกลจากฝั่ง ท้องทะเลรอบๆเกาะก็มีปะการังและสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ สามารถจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปเที่ยวชมศึกษาธรรมชาติ และเข้าร่วมในกิจกรรมดูแลรักษาธรรมชาติใต้ท้องทะเลได้สะดวก

กิจกรรมเที่ยวชมอุทยานใต้ทะเลเกาะขามนั้นทางกองเรือป้องกันฝั่งได้จัดบริการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบไปกลับในวันเดียว ไม่อนุญาตให้พักค้างแรมคืนบนเกาะ โดยจะจำกัดนักท่องเที่ยวไม่เกินวันละ 300 คน คิดค่าบริการคนละ 200 บาท ค่าบริการนี้จะรวมค่าเรือไปกลับ ค่านั่งเรือท้องกระจกชมปะการัง ค่าชูชีพ ค่าเก้าอี้ผ้า ห้องสุขาและห้องอาบน้ำจืด ชมธรรมชาติ พรรณไม้ ทัศนียภาพบนเกาะ โดยไม่รวมค่าอาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งจะมีร้านค้าบริการบนเกาะ โดยนักท่องเที่ยวสามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือเขาหมาจอ ตำบลแสมสาร เรือเที่ยวแรกจะออกจากท่าเรือเวลา 9.00 น. และกลับจากเกาะเที่ยวแรกเวลา 13.00 น. กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บนเกาะขามนั้นอาจจะมีการงดเว้นในบางวันที่น้ำทะเลลงจัด ซึ่งจะทำให้อ่าวด้านหน้าของเกาะมีระดับน้ำตื้นเกินไป เรือไม่สามารถจะพานักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้สะดวก และการเล่นน้ำทะเลหรือดำน้ำดูปะการังในวันที่น้ำลงจัดนั้น อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดอันตรายจากการสัมผัสปะการัง หรือหอยเม่นขึ้นได้ และการท่องเที่ยวอุทยานใต้ทะเลเกาะขามนั้นจะมีเวลาเปิดให้เที่ยวชมอีกไม่กี่วันก็จะปิดเกาะในช่วงฤดูมรสุม เพื่อเปิดโอกาสให้ธรรมชาติได้พักตัว โดยจะปิดการเที่ยวชมตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายนนี้ไปจนถึงเดือนสิงหาคม จึงจะเปิดให้สามารถท่องเที่ยวได้อีกครั้ง ท่านที่สนใจสามารถจะเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็ปไซต์ของกองทัพเรือที่ www.navy.mi.th/nac1/kham

วิเคราะห์ SWOT จังหวัดประจวบคีรีขันธ์



วิเคราะห์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  SWOT

จุดแข็ง (S)
จุดอ่อน (W)
S1  ทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เหมาะสม มีทางออกทั้งสองฝั่งติดทะเลง่ายต่อการเดินทาง
S2  ทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เหมาะสม สามารถเดินทางติดได้ง่ายและสะดวกทั้งภาคใต้ และภาคกลาง
S3  มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมและมีชื่อเสียงทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ เช่น ชายหาดหัวหิน
S4  มีเทศกาลประจำปีที่โดดเด่นมีชื่อเสียงเป็นที่นิยม เช่น หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล
S5  มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย ที่ยังคงความสมบูรณ์ในเรื่องของทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็น ถ้ำ น้ำตก ทะเล ป่าชายเลน เดินป่า อุทยาน วนอุทยาน
S6  มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญ คือ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งทะเลแห่งแรกของประเทศไทย
S7  มีเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกหลากหลายให้เลือกเดินทาง ทั้ง ทางรถไฟ  สนามบิน ทางน้ำ และทางถนน
S8  มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งทาง ธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม  การเกษตร หัตถกรรม สุขภาพ
S9  มีภูมิปัญญาชาวบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เครื่องประดับจากกะลามะพร้าว  ผลิตภัณฑ์สับปะรด
S10 เป็นจังหวัดที่สงบ มีความปลอดภัย
S11 มีหน่วยงานให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว รวมถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางการท่องเที่ยวอยู่ตลอด
S12 มีความพร้อมในด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ
W1  การจัดการภายในแหล่งท่องเที่ยวยังไม่ดีพอ
W2  มีสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งดันดามันในภาคใต้ที่สวยงามกว่า
W3  เกิดช่องว่างการกระจายรายได้ในเขตอำเภอหัวหิน และ พื้นที่อื่น
W4  ขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะและความรู้ที่ดีด้านภาษา
W5  ปัญหาความยากจนและคุณภาพชีวิตของชาวชนบท
W6  สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวทำให้เกิดความเสื่อมโทรม
W7  การบริหารจัดการทรัพยากรทางการท่องเที่ยวไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม
W8  เทคโนโลยีด้านการแพทย์ที่ไม่ทันสมัยของโรงพยาบาลในเขตชุมชน
W9  ปัญหาเรื่องขยะและมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม











โอกาส (O)
อุปสรรค (T)
O1  การเปิดเส้นทางการบินกรุงเทพ- หัวหิน ของสายการบินโลคร์อสต่างๆ
O2   นโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงชุมชน และการให้ความสำคัญของรัฐที่มีต่อการพัฒนา “ทุนของชุมชน”
O3  รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระดับชุมชน
O4  การเปิดสาขาการท่องเที่ยวในสถานศึกษาสายอาชีพในจังหวัด
O5  การให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีในการพัฒนาชุมชนของภาครัฐบาล
O6  การเพิ่มขึ้นของศักยภาพทางการแข่งขันด้านการค้า
O7  การขยายตลาดการค้าและการลงทุน
O8  การให้ความสำคัญและการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมดั่งเดิมของชาวบ้าน
O9  แนวโน้มการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพ และนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเกิดการเรียนรู้มากขึ้น
O10  การได้รับรางวัลด้านความสามารถต่างๆของนักเรียน นักศึกษา สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

T1  การผันผวนของราคาสินค้า และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
T2  เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
T3  การเคลื่อนย้ายแรงงานในภาคอุตสาหกรรมการบริการ และการเกษตร
T4  มีงบประมาณในการพัฒนาที่จำกัด และต้องเลือกพื้นที่ที่จำเป็นที่สุดในการพัฒนา
T5  ภาวการณ์แข่งขันทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
T6  การรับวัฒนธรรมตะวันตกของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น
T7  การความนิยมท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจากกระแสทางสังคม และความบันเทิง
T8  ภาวะโลกร้อน
T9 ทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อเริ่

TOWS

กลยุทธ์จุดแข็ง – โอกาส (S-O)
กลยุทธ์จุดอ่อน – โอกาส (W-0)
-                    จัดทำแผนพัฒนาชุมชนที่มีประสิทธิภาพ (S9,S10,S11,O2,O3)
-                    จัดการถ่ายทอดออกอากาศผ่ายสื่อต่างๆในเทศกาลที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด (S3,S4,S7,S11,S12,O2,O5,O6,08,010)
-                    ส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน ( S10,S11,O1,O2,O3)
-                    สร้างสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับทรัพยากรในจังหวัด (S5,S6,S8,S11,06,07,09)
-                    เจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น(S5,S6,S11,O4,O5,O6,O7,O9)
-                    ส่งเสริมการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ชุมชนกับภาคเอกชน
(S11,S12,O4,O5,O6,O7)
-                    จัดการฝึกอบรมผู้ประกอบการแหล่งท่องเที่ยวระดับชุมชน ในเรื่องบริหารจักการแหล่งท่องเที่ยว (W1,W4,W7,O7)
-                    ประชุมเพื่อหาแนวทางการจัดรูปแบบการท่องเที่ยวที่เน้นทำกิจกรรมในชุมชนแต่ละชุมชนให้นานขึ้น (W3,W5,O2,O3,O9)
-                    สำรวจแหล่งท่องเที่ยว พร้อมกับการพัฒนาและฟื้นฟู (W6,W7,W9,O9)



กลยุทธ์จุดแข็ง – อุปสรรค (S-T)
กลยุทธ์จุดอ่อน – อุปสรรค (W-T)
-                    จัดการรณรงค์ผ่านโครงการสร้างจิตสำนึกรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น รวมถึงทรัพยากรทางสังคมและวัฒนธรรม ด้วยรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และยั่งยืน (T9,T6,T7,S3,S4)
-                    เน้นการร่วมเครือข่ายธุรกิจชุมชนให้มากขึ้น เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชน และลดความรุนแรงจากภาวการณ์แข่งขันทางเศรษฐกิจ (S11,S12,T1,T3,T5)
-                    ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนจากทรัพยากรทางธรรมชาติ และขยะ(W7,W9,T9,T8)
-                    วางแผนการสร้างการค้าขายของที่ระลึกในแหล่งชุมชนต่างๆ ระหว่างแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน (W3,W5,T4,T5)

นางสางเกศสุดา   เอี้ยงใจดี 501231001
นางสาวกรรณิการ์  ยองคำ 501231011

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

โครงการตามล่าหาที่สุด


ไปรษณีย์ไทยจับมือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดตัวโครงการ “ตามล่าหาที่สุด” สไตล์แรลลี่ส่งเสริมเที่ยวทั่วไทยให้ครึกครื้นยิ่งขึ้น รณรงค์เขียนโปสการ์ดพร้อมประทับตราที่สุดของเมืองไทย ชิงรางวัลนับล้าน ย้ำบริการใหม่ไปรษณีย์ส่งสัมภาระให้นักท่องเที่ยว 104 พื้นที่ ปณ.ปลายทาง
       
นางสาวอานุสรา  จิตต์มิตรภาพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาดและพัฒนาธุรกิจ  บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “ตามล่าหาที่สุด”  ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์ไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ว่าโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ  โดยเชิญชวนนักท่องเที่ยวไทยร่วมสนุกกับกิจกรรมค้นหาตู้ไปรษณีย์ที่ออกแบบลวดลายพิเศษไม่ซ้ำแบบกัน ซึ่งได้ติดตั้งเป็นจุดแลนด์มาร์กสำหรับถ่ายภาพตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีความเป็นที่สุดของเมืองไทย รวม 20 จุดทั่วประเทศ

“นอกจากเป็นจุดที่บ่งบอกลักษณะที่สุดของเมืองไทยในแง่มุมต่าง ๆ โดยเราเรียกว่า ตู้ไปรษณีย์แลนด์มาร์กแล้ว นักท่องเที่ยวและประชาชนที่สนใจร่วมกิจกรรมยังมีโอกาสลุ้นรางวัลใหญ่ด้วย เพียงแค่เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ แล้วนำโปสการ์ดหรือไปรษณียบัตรไปขอรับประทับตราที่ระลึกที่สุดของเมืองไทยและตราประทับครบรอบ 50 ปี ททท.  ซึ่งจะมีอยู่แห่งละ 3 จุด โดยหาคำตอบได้ที่ข้างตู้ไปรษณีย์แลนด์มาร์กนั้นๆ พร้อมเขียนชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ให้ชัดเจน จ่าหน้าส่งมายังโครงการ ‘ตามล่าหาที่สุด’ ตู้ ปณ.2553 สำนักงาน ปณท กรุงเทพฯ 10002 ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2553”
นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าการ ด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า กิจกรรมครั้งนี้มีส่วนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะการรณรงค์ภายใต้สโลแกน “เมืองไทยใคร ๆ ก็รัก” ตลอดปีนี้ ส่วนรางวัลที่ททท.ร่วมสนับสนุนเพื่อมอบให้แก่ผู้โชคดีในกิจกรรมดังกล่าว มีด้วยกัน 240 รางวัล รวมมูลค่า 1 ล้านบาท ได้แก่ แพ็คเกจท่องเที่ยวภายในประเทศ ห้องพักในโรงแรมระดับ 5 ดาว และตั๋วเครื่องบินไป-กลับภายในประเทศรายละเอียดจะประกาศให้ทราบเป็นทางการต่อไป ทั้งนี้จะมีการจับรางวัลจากโปสการ์ดหรือไปรษณียบัตรที่ส่งเข้ามาในวันที่ 6 มิ.ย.2553 ภายในงานเทศกาลท่องเที่ยวไทย ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี 
อนึ่ง ไปรษณีย์ไทยยังมีบริการโลจิสโพสต์พลัส ซึ่งเป็นบริการเสริมจากโลจิสโพสต์ ส่งของใหญ่ทางไปรษณีย์ เพื่อให้บริการขนส่งสัมภาระแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการความคล่องตัวในการเดินทางไปยังพื้นที่ 104 ปณ.ทั่วประเทศ ตลอดจนบริการส่งพัสดุแบบกล่องเหมาจ่ายราคาเดียว  ราคา 110 และ 120 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลายทาง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการส่งของกลับบ้าน หรือส่งของฝากไปให้ญาติมิตร
      
รายละเอียดเพิ่มเติมสอบถามได้ที่ฝ่ายตลาดสื่อสารและขนส่ง โทร. 0 2831 3211 - 2 หรือ Call Center 1545 ในวันและเวลาทำการ หรือเข้าไปดูที่เว็บไซต์ www.thailandpost.co.th

อนุสาร อ.ส.ท. พฤษภาคม ๒๕๕๓ เที่ยวสนุกสุดสัปดาห์

อนุสาร อ.ส.ท. ชวนคุณผู้อ่านใช้เวลาว่างในวันหยุดเดินทางท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากหลากหลายแหล่งท่องเที่ยวใกล้บ้าน ประหยัดน้ำมัน ไม่ต้องเดินทางไกล แต่ได้อารมณ์และสีสันแปลกใหม่แถมยังสบายสตางค์ในกระเป๋าอีกต่างหาก

ท่อง ธาร ๓ ตลาดน้ำ ล่องเรือหวนคืนสู่บรรยากาศของโมงยามแห่งการค้าขายทางเรือเมื่อครั้งอดีต เที่ยวชมชุมชนบ้านเรือนและวิถีการดำเนินชีวิตที่ผูกพันอยู่กับสายน้ำเมืองแม่กลอง
ลองของค่ายมวยไทย ร่วมฝึกฝนสุดยอดศิลปะการต่อสู้ที่ยอมรับกันในระดับโลกในค่ายเกียรติบ้านช่อง และค่ายแฟร์เท็กซ์ พัทยา สำนักมวยชั้นแนวหน้าของประเทศไทย
ล่องไพรรายรอบบึงมหัศจรรย์ แห่งอาศัยของมวลหมู่ปักษานานาพันธุ์สีสันชีวิตชีวาแห่งผืนป่าแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี
รำลึกอดีตตลาดร้อยปี สนุกจับจ่ายสินค้าและอาหารแบบโบราณในชุมชนการค้าย่านบางพลี นครเนื่องเต คลองสวน และบ้านใหม่ ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ-ฉะเชิงเทรา
เยือนถิ่นชุมชนเก่า ๓ วัฒนธรรม ความแตกต่างอย่างหลากหลายคือความน่าสนใจ เมื่อชาวไทย ชาวจีน และชาวมุสลิม ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ในเขตประเวศและหนองจอก
พรั่งพร้อมด้วย คอลัมน์ประจำครบครัน


พิเศษ...คู่มือ “เข้าใจถิ่น เข้าใจเที่ยว จังหวัดปทุมธานี” เมืองรุ่มรวยวัฒนธรรมแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา
เว็บไซต์อนุสาร อ.ส.ท. http://www.osotho.com/

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Vic Hua Hin ขอเชิญชม สุดสาคร ลิเกร่วมสมัย

เปิดแสดงทุกวันเสาร์ เริ่มเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม – 12 มิถุนายน ศกนี้ เวลาทุ่มครึ่ง
การแสดงลิเก เป็นการแสดงพื้นบ้านแต่โบราณ ที่ถูกสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ดังที่เราสามารถหาชมได้ แต่เนื่องจากสื่อต่างๆ มีมากขึ้นจึงทำให้การแสดงละครลิเกเริ่มลดน้อยถอยลง ผู้ชมหันไปให้ความสนใจกับสื่ออื่นมากขึ้น

ทางผู้จัดจึงได้เล็งเห็นถึงความงามของวัฒนธรรมทางการแสดงที่สวยอย่างลิเก จึงได้หยิบยกวรรณกรรมของสุนทรภู่ เรื่อง พระอภัยมณี ตอนกำเนิดสุดสาคร จัดทำในรูปแบบ ลิเกร่วมสมัย โดยการนำสื่อทางตะวันตกและตะวันออกเข้ามาผสมผสานกันอย่างลงตัว แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์รูปแบบ ของลิเกดั้งเดิม

จุดมุ่งหมายของงานชิ้นนี้ เพื่อรักษาวัฒนธรรมพื้นบ้านให้คงอยู่ และซาบซึ้งในการใช้ภาษาที่สละสลวยผ่าน บทกลอนของสุนทรภู่ ในขณะเดียวกัน นักแสดงยังได้รับการฝึกฝนเพื่อให้เข้าถึงตัวละครทุกตัวผ่านบทกวี และสามารถนำเสนอด้วยความรู้สึกที่เป็นจริง ดั่งตัวละครอย่างสมบูรณ์ ทั้งยังเสนอแนวทางเลือกรูปแบบใหม่ ให้ทันสมัยและสากล มากยิ่งขึ้น

เปิดแสดงทุกวันเสาร์ เริ่มเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม – 12 มิถุนายน ศกนี้ เวลาทุ่มครึ่ง บัตรราคา 1000 , 800 และ 500 บาท (นักเรียน นักศึกษา 150 บาท) 

จำหน่ายบัตรที่... Totalreservation ทุกสาขา โทร 02 833 5555 www.totalreservation.com  วิกหัวหิน โทร 032 827815, 032 827817 www.vichuahin.com  หรือสอบถามข้อมูลที่ ภัทราวดีเธียเตอร์ โทร. 024127287-8 www.patravaditheatre.com

มหัศจรรย์ท่องเที่ยวไทย 2553 (Wonderful Thailand 2010)

วันที่ 20-23 พฤษภาคม 2553 เวลา 11.00-21.00 น.อาคารซี ชั้น 1-2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ขอชวนไปงานท่องเที่ยวที่จะพาคุณไปสัมผัสกับแหล่งท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ และพบกับโปรโมชั่น ร้อนๆ จากโรงแรม รีสอร์ท แพ็คเกจทัวร์ สายการบิน สถานที่ท่องเที่ยว ในราคาสุดคุ้มทั่วไทย วันที่ 20-23 พฤษภาคม 2553 เวลา 11.00-21.00 น.อาคารซี ชั้น 1-2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์



Wonderful Thailand 2010 งานท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ โดยรวบรวมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยว เพื่อเสนอแพ็คเกจท่องเที่ยว ที่พัก สายการบิน ในราคาพิเศษสุด พร้อมรับโปรโมชั่นสุดคุ้มมากมาย และยังได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมมากมาย ซึ่งในปีนี้จะพิเศษและยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมา โดยได้รวบรวมกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวจากภาคใต้กว่า 100 บริษัทไว้ในโซน มหัศจรรย์ 2 ฝั่งทะเลใต้ครั้งที่ 2 เพื่อร่วมนำเสนอแพ็คเกจสุดคุ้มและที่พักราคาพิเศษ

สนับสนุนโดย : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
http://www.thailanddiveexpo.com/wonderfulthailand/index.php

สถานที่ท่องเที่ยวช่วงปิดเทอม

ช่วงปิดเทอมทั้งที จะมัวอุดอู้อยู่แต่ในบ้านทำไม หนังสือก็ไม่ต้องอ่าน การบ้านก็ไม่ต้องทำ ออกไปหากำไรให้กับชีวิต ในช่วงวันหยุดกันดีกว่า เรามีสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจมานำเสนอ

แหล่งชอปปิ้งในกรุงเทพมหานคร
  
        1. ตลาดคลองถม ถ้าจะบอกว่าแหล่งหาซื้อของเก่า ของมือสอง ราคาถูก ที่ใหญ่ที่สุด และน่าเดินดูที่สุดของกรุงเทพฯ คือ ย่านคลองถมเห็นทีจะไม่ผิด ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันเสาร์ เวลาหลัง 17.00 น. เป็นต้นไป จะเป็นเวลาเริ่มของ “ตลาดไฟฉาย” ซึ่งจะตั้งของขายกันจนถึงวันอาทิตย์ สำหรับบางคนที่ไม่ชอบเดินถือไฟฉายหาของ หรือไม่สนุกกับการต้องเบียดเสียดผู้คนเดินดูของเวลากลางคืนมืด ๆ ก็ขอแนะนำให้เปลี่ยนจากการช็อปค่ำคืนวันเสาร์มาเป็นช่วงเช้าวันอาทิตย์ ณ ที่นี่ ตลาดคลองถมวันอาทิตย์ ตลาดคลองถมวันอาทิตย์ ครอบคลุมบริเวณตั้งแต่ ถ.หลวง ถ.วรจักร ถ.เจริญกรุง ถ.เสือป่า ตามซอกซอยแถวนั้น จะเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่เอาของมาวางขายกันเต็มไปหมด เนื่องจากวันอาทิตย์เป็นวันที่บริษัทห้างร้านแถว ๆ นั้นหยุดจึงสามารถตั้งแผงหน้าร้านได้ สินค้าที่มีขาย เรียกได้ว่าหลากหลายวาไรตี้มีทุกอย่าง เช่น เครื่องมือช่าง อะไหล่รถยนต์ อุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องใช้ไฟฟ้า หนัง VDO/VCD/DVD เสื้อผ้า(ที่ไม่เน้นเสื้อผ้าผู้หญิงเหมือนตลาดนัดหน้าห้าง ตลาดนัดตามแหล่งออฟฟิศ) รองเท้าเก่า-ใหม่ ของเล่นเด็ก ของสะสม แสตมป์ ธนบัตรเก่า นาฬิกา อุปกรณ์เครื่องครัว ของเลหลัง ค้างสต็อค และอื่น ๆ เยอะแยะไปหมด
         
2. ถนนข้าวสาร ชื่อของถนนข้าวสารมีที่มา โดยเดิมบริเวณนี้เคยใช้เป็นสถานที่ขายข้าวสาร และในปัจจุบันที่นี่ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวราคาประหยัด เพราะค่าที่พักและย่านสถานบันเทิงยามราตรีนั้นไม่สูงจนเกินไป บนถนนข้าวสารนั้น มีสีสันและชีวิตชีวาค่อนข้างมาก อีกทั้งร้านอาหารก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารเล็กๆ ริมถนน หรือร้านใหญ่โต ซึ่งล้วนแล้วแต่ราคาไม่แพงเกินไปทั้งสิ้น นอกจากนี้บรรยากาศโดยรวมทั่วไปของที่นี่ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และพวกหนุ่มสาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่มีการแสดงดนตรีนานาชาิติ บนถนนข้าวสารมีบริการมากมายไว้รอต้อนรับคุณๆ อยู่ ตั้งแต่บริการถักผมเปียพร้อมตกแต่งด้วยลูกปัด จนกระทั่งถึงอาหารจานเด่นอย่างผัดไทย เป็นต้น

        
 3. ตลาดนัดจตุจักร สำหรับผู้ที่ชอบซื้อของและต่อรองราคา ที่นี่คือ “สวรรค์ของคุณ” โดยทุกวันพุธและพฤหัสจะเป็นตลาดค้าส่งต้นไม้ ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์นั้นจะเปลี่ยนเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งเป็นศูนย์รวมร้านค้ากว่า 8,000 ร้านจากทุกภูมิภาคของประเทศ แบ่งพื้นที่ออกเป็น 26 โครงการ กลุ่มสินค้ามีตั้งแต่ของแต่งบ้าน ของสะสม ของเก่า เครื่องประดับ งานศิลปะหัตกรรม เฟอร์นิเจอร์ สัตว์เลี้ยง เสื้อผ้า ต้นไม้ หนังสือเก่า อาหารพื้นเมือง สินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ อีกมากมาย
         
4.ประตูน้ำ ย่านการค้าเก่าแก่ที่ปัจจุบัน ยังได้รับความนิยมจากเหล่าแม่ค้าขายปลีก และ ชาวต่างประเทศมากมาย ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บริเวณสี่แยก ที่ ถนน เพชรบุรี ตัดกับ ถนน ราชปรารภ พอดีประตูน้ำ เป็นศูนย์รวมการซื้อขาย เสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ใหญ่ พอๆ กับตลาด โบเบ๊ ตลาดค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่อยู่ริมคลอง ผดุงกรุงเกษม หากแต่สินค้าของที่ประตูน้ำจะมีราคาขายปลีกที่ขยับขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ด้วยซอยย่อยมากมาย ตลาดเก่าแก่ อย่าง ตลาดเฉลิมลาภ ประตูน้ำ ซอย 1 และ ซอย 2 ก็มีร้านค้าขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปเกิดขึ้นอยู่ดาษดื่น ซึ่งสินค้าหลายรายการที่เป็นเพียง ของทำเลียนแบบคุณภาพต่ำ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า กระเป๋า หลากหลายของใช้แทบทุกชนิด เป็นเพียงของเลียนแบบสินค้าดังเท่านั้น 
        
  5. สยามสแควร์ ชื่อนี้ถ้าใครบอกไม่รู้จัก คงถูกเพื่อนล้อว่าเชยแหลก แน่นอน ค่าที่เป็นแหล่งรวบรวมแฟชั่นวัยรุ่นมาเนิ่นนานตั้งแต่ คุณพ่อ คุณแม่ยังหนุ่มสาว จนเดี๋ยวนี้หลานของคุณพ่อ คุณแม่ โตเป็นหน่มเป็นสาวกันแล้วสยามแสควร์ก็ยังเป็นศูนย์รวมของ วัยรุ่น อยู่ดีเพราะนอกจากจะเป็นแหล่งจับจ่ายของวัยรุ่นแล้ว ยังเป็น ที่รวมของสถาบันกวดวิชาต่างๆ อีกด้วย คุณจะพบกับ ร้านขายสินค้าเบรนด์เนม นานาชนิด ร้านหนังสือ ร้านวีดีโอ ร้านขายเทป ซีดี ดีวีดี และยังแถมต่อด้วย แผงลอยขาย เสื้อผ้า รองเท้า และของใช้จิปาถะไปตลอดทาง หรือถ้าคุณหิวที่นี่มีร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ ให้คุณเลือกมากมายตั้งแต่่แผงลอยข้างทางหรือร้านฟาสฟูตส์ หลากหลายยี่ห้อหรือ่ถ้าคุณ ขี้เกียจนั่งตามร้าน จะซื้อขนมนมเนยที่วางขายตาม ข้างทางแล้ว เดินไปกินไปก็ไม่ผิดกติกา 
      
    6. ตลาดนัดธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) การเดินทางมาเที่ยวที่นี่ก็ไม่ยาก มาสนามหลวงถูกก็เป็นอันใช้ได้ เดินผ่าน  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์   มาทางด้านหลัง ก็จะเจอแหล่งชอปปิ้ง นั่นก็คือ ท่าพระจันทร์ ซึ่งสถานที่ตรงนี้สำคัญมาก สำหรับคนที่โดยสารเรือเพื่อข้ามไปฝั่งธนบุรีเป็นประจำ ที่นี่มีของขายมากมาย โดยจะเอาใจวัยรุ่นเป็นพิเศษ เพราะรู้กันอยู่ว่าที่นี่ถิ่นของใคร นอกจากของของขายแล้ว ขึ้นชื่ออีกอย่างก็อาหาร รับประทานไป ชมความงามของแม่น้ำเจ้าพระยาไป แหมอะไรจะดื่มดำปานนั้น สำหรับใครที่ไม่ได้แวะเวียนมาแถวนี้บ่อยๆ อาจจะไม่ทราบว่า ด้านในได้มีการปรับปรุงให้สวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อย น่าซื้อของเป็นอย่างยิ่ง 
       
   7. ตลาดนัดวังหลัง อยู่แถวโรงพยาบาลศิริราช และธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ถ้าจะไปจากธรรมศาสตร์ก็ต้องนั่งเรือข้ามฝากไป เสีย 3 บาท ลงท่าวังหลัง หรือถ้าใครสะดวกนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ไปขึ้นที่ ท่าศิริราช-วังหลัง เดินเข้าไปในซอยอีกนิด ก็เจอของมือ 2 เพียบ! แต่ซอยอาจจะเลี้ยวไปเลี้ยวมามากหน่อย สำหรับมือใหม่หัดไปได้ ก็ลองถามแม่ค้าแถวนั้นดู รับรองไปถึงแน่นอน


ที่มาwww.bangkokgoguide.com
www.zheza.com
www.bangkoktourist.com
www.tttonline.net
www.travelthai.in.th

วันหยุดนี้....ไปนั่งรถไฟเที่ยวกันเถอะ Project 3 มาแล้ว


นายกมลชนก   มุกดา  หัวหน้ากองโฆษณาและส่งเสริมการท่องเที่ยว กล่าวว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการร่วมมือระหว่างการรถไฟฯ (รฟท.) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โครงการ“เที่ยวรถไฟครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก”  ในรายการ วันหยุดนี้ ....ไปนั่งรถไฟเที่ยวกันเถอะ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้นำนักท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ประจวบคีรีขันธ์ สระบุรี ฉะเชิงเทรา ลพบุรี ฯลฯ มาในครั้งนี้ถือเป็น Project 3 แล้ว โดยมีนายยุทธนา  ทัพเจริญ ผู้ว่าการรถไฟฯ ร่วมกับ ททท. และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว แถลงข่าว เพื่อเปิดเดินเส้นทางท่องเที่ยวบริเวณสถานีแม่กลอง ซึ่งเส้นทางท่องเที่ยวสายนี้ คือเส้นทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่ - มหาชัย และบ้านแหลม - แม่กลอง  เป็นเส้นทางที่เชื่อว่าหลายคนนักที่ยังไม่รู้จัก  แม้ว่าเส้นทางสายนี้นับอายุได้ 108 ปี แล้ว ประกอบกับสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงครามกำลังอยู่ในความนิยมของนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น การสักการะหลวงพ่อบ้านแหลม รับประทานอาหารทะเลสด ๆ ที่มหาชัย หรือชมวิถีชีวิตชุมชนริมน้ำอัมพวา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดร่มหุบ ที่ถือเป็น Hilight ของการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งรายการนี้จะจัดถึงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน กุมภาพันธ์ 2553 โดยมีเส้นทาง ดังนี               
- นั่งรถไฟไปตลาดน้ำอัมพวา      ทุกวันเสาร์ ไปเช้าเย็นกลับ ท่านละ 999.- บาท
- นั่งรถไฟเที่ยวเมือง 2 สมุทร     ทุกวันอาทิตย์ ไปเช้าเย็นกลับ ท่านละ 999.- บาท
- นั่งรถไฟเที่ยว3ตลาดน้ำเมือง 2สมุทรฯไปวันเสาร์กลับวันอาทิตย์ท่านละ 2,499.- บาท

นายกมลชนกฯ กล่าวเสริมว่า   เนื่องจากเป็นการร่วมมือระหว่าง ททท. และ รฟท. นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อจองโปรแกรมนำเที่ยว ได้ที่ สมาคมท่องเที่ยว 5 สมาคม 0-2929-0795 , 0-2918-5414,0-2998-0983, 0-2270-1505 และ 0-2237-6046  สายด่วนท่องเที่ยว Call Center 1672 , สายด่วนรถไฟ 1690 (ตลอด 24 ชั่วโมง)


โดย.. ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว  

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กทม.เตรียมพร้อม 5 มาตรการ 5 ด้าน เยียวยาพื้นที่ราชประสงค์-สีลม



  กรุงเทพฯ 10 พ.ค. - กทม.เตรียมพร้อม 5 มาตรการ พื้นฟูย่านราชประสงค์และสีลม หลังการชุมนุมยุติ

นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยหลังประชุมมาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ หลังเหตุการณ์ชุมนุม ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ ว่า กทม.ได้เตรียมความพร้อมมาตรการ 5 ด้าน หรือ 5 Big Moves เพื่อเยียวยาพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ และพื้นที่ถนนสีลม ซึ่งประกอบด้วย ทำความสะอาดครั้งใหญ่  ทำบุญสร้างขวัญกำลังใจ  ให้ร้านค้าจัดกิจกรรมพิเศษ ซ่อมแซมอุปกรณ์ความปลอดภัย และลดหย่อนภาษีโรงเรือนและที่ดิน

ส่วนกรณีโรงเรียนในสังกัด กทม.ทั้ง 5 แห่ง ที่อยู่ในพื้นที่การชุมนุม  ในสัปดาห์นี้จะเรียกประชุมผู้ปกครองทั้ง 5 โรงเรียน ทำความเข้าใจในการย้ายที่เรียน โดยจะมีการพิจารณาสถานการณ์เพื่อประเมินแบบวันต่อวัน ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสำคัญ.


ที่มา : สำนักข่าวไท

DTC เริงร่าทัวร์

Dtc Travel Center


อาจารย์วีรา พาสพัฒนพาณิชย์ อธิการบดีวิทยาลัยดุสิตธานี เป็นประธานในพิธีเปิด “ศูนย์การท่องเที่ยวและ DTC เริงร่าทัวร์” ณ อาคาร 2 วิทยาลัยดุสิตธานี โดยจัดเป็นศูนย์การเรียนและให้ข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งท่องเที่ยว การเทียบเวลาโลกตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งรับจัดทัวร์ภายในประเทศในราคาต้นทุนสำหรับนักศึกษาและบุคคลทั่วไป เพื่อฝึกทักษะด้านการจัดการท่องเที่ยวให้แก่นักศึกษาสาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยว ซึ่งการเปิดศูนย์การท่องเที่ยวและ DTC เริงร่าทัวร์นี้เป็นกิจกรรมหนึ่งของงานดุสิตธานีวิชาการครั้งที่ 3
ประวัติความเป็นมา ของ เริงร่าทัวร์

Dtc Travel Center ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551 ห้องนี้จัดดตั้งอยู่ที่ วิทยาลัยดุสิตธานี ตึก 2 โดยจะให้คำปรึกษากับผู้ที่สนใจในการเดินทางท่องเที่ยวไม่ว่าจะเดินทางเป็นกลุ่ม หรือ เดินทางส่วนตัว โดยจะรับจองทัวร์ตามโปรแกรมที่เรามี โดยบริษัท Rerng Rah Tour จะมีหน้าที่เป็นผู้รับทำทัวร์ต่างๆ และยังมีโปรแกรมการรับจองตั๋วเครื่องบินผู้ที่สนในสามารถติดต่อสอบถามได้ Tel.02 361 7811