วันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010

เคทีซีจับมือบิ๊กสมาคมท่องเที่ยวชวนผู้ประกอบการลั่นฆ้องเปิดเวที “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010” มหกรรมท่องเที่ยวยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


เคทีซีร่วมกับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และไทย - อะมาดิอุส ประกาศจัดงานมหกรรมท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010” (Thai International Travel Fair 2010) ระหว่างวันที่ 25 - 28 กุมภาพันธ์ 2553 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมอัดฉีดงบการตลาดถึง 20 ล้านบาท ด้วยพื้นที่จัดงานขนาดยักษ์ถึง 20,000 ตารางเมตร กับบูธผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศถึง 1,120 ราย ที่ร่วมกันมอบข้อเสนอส่วนลดและสิทธิพิเศษด้านการเดินทางและท่องเที่ยวแบบเต็มพิกัด ทั้งแพ็คเกจทัวร์ โรงแรมและ ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษ สะดวกสบายกับสินเชื่อเพื่อการเดินทางและท่องเที่ยว สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่กับบูธฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ครั้งแรกในเมืองไทย และรับไมล์สะสมสูงสุดถึง 50,000 ไมล์ เมื่อใช้จ่ายในงานผ่านบัตรเครดิต “เคทีซี - รอยัล ออร์คิด พลัส” เพื่อร่วมฉลองการบินไทยครบรอบ 50 ปี พร้อมร่วมสนุกลุ้นรับของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท คาดมีผู้ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีตลอด 4 วัน รวม 280 ล้านบาท
นายสถาพร สิริสิงห รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ฝ่ายการตลาดเพื่อการสันทนาการ “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เคทีซีได้ร่วมสนับสนุนการจัดงานมหกรรมท่องเที่ยว “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” อย่างต่อเนื่อง เป็นครั้งที่ 5 และในปีนี้เคทีซีได้จัดสรรงบการตลาดถึง 20 ล้านบาท เพื่อให้สมาชิกเคทีซีและผู้รักการเดินทางที่มาในงานได้รับสิทธิพิเศษด้านการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศอย่างครบวงจรและคุ้มค่าที่สุด โดยมีผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวชั้นนำกว่า 1,120 ราย อาทิ องค์กรส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว สายการบิน บริษัทนำเที่ยว โรงแรม รีสอร์ททั้งในและต่างประเทศ รถเช่า เรือ อุปกรณ์ท่องเที่ยว ร้านค้าของฝากของที่ระลึก สินค้าโอท็อปทั่วทุกภูมิภาค มาร่วมกันออกบูธบนพื้นที่จัดงานในศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ถึง 20,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์จะมาร่วมจัดกิจกรรมสนุกสนานและสร้างสีสันภายในงาน พร้อมร่วมฉลองครบรอบ 50 ปีกับการบินไทย สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี - รอยัล ออร์คิด พลัส ทุกประเภท สามารถเลือกซื้อแพ็คเกจพิเศษกว่า 50 รายการ และรับไมล์สะสมสูงสุดถึง 50,000 ไมล์ ที่เคทีซี อาร์โอพี พาวิลเลี่ยน (KTC ROP Pavilion)”

“สำหรับสมาชิกเคทีซี นอกจากจะได้รับส่วนลดในการจองโรงแรม แพ็คเกจท่องเที่ยว และตั๋วเครื่องบินแล้ว ยังจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมอีกมากมาย อาทิ 1) เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีและสินเชื่อเพื่อการท่องเที่ยวภายในงาน สามารถนำเซลล์สลิปแลกรับของรางวัลทันที เช่น ใช้จ่ายตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป รับบัตรรับประทานอาหารที่เอ็มเค เรสโตรองต์ มูลค่า 200 บาท 1 ใบ หรือเมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 50,000 บาท ขึ้นไป รับกระเป๋าเดินทางล้อลาก G2000 มูลค่า 3,500 บาท 1 ใบ และเมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 150,000 บาท ขึ้นไป รับกระเป๋าล้อลาก Hard Case Traveler 28 นิ้ว มูลค่า 5,590 บาท 2) นำคะแนนสะสม KTC Forever Rewards แลกรับสินค้าและบริการด้านการเดินทางท่องเที่ยวในงานได้ก่อนใคร 3) เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีภายในงาน บวกคะแนนสะสม KTC Forever Rewards รับสิทธิร่วมกิจกรรมที่ “เคทีซี โฟโต้ โซน” ซึ่งเคทีซีร่วมกับบิ๊ก คาเมร่า ให้สมาชิกบันทึกภาพตนเองบนปกนิตยสารชื่อดัง 4) บริการสินเชื่อพร้อมใช้เพื่อการเดินทางและท่องเที่ยวโดยเฉพาะ”
“นอกจากนี้ เคทีซียังได้เตรียมเครื่องรูดบัตร (EDC) สำหรับผู้ประกอบการที่มาร่วมออกบูธภายในงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ รวมถึงผู้ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีภายในงาน ยังไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการรูดบัตรอีกด้วย เคทีซีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมจัดงานมหกรรมท่องเที่ยว “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก 2010” จะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยกระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี และคาดว่าตลอด 4 วันในการจัดงาน จะมีสมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีมากถึง 280 ล้านบาท โดยงานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 25 - วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 21.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก”





Summer Days Package ที่สยามเบย์ชอร์ รีสอร์ท และ สปา พัทยา


กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--โรงแรมสยามซิตี แอนด์ รีสอร์ท



สนุกกับบรรยากาศที่เป็นมิตรด้วยแพ็กเกจ Summer Days Package ใหม่ ต้อนรับฤดูกาลนี้ กับข้อเสนอสุดพิเศษ...ห้องพักระดับดีลักซ์ สำหรับผู้ใหญ่ 2 ท่าน และเด็ก 2 ท่าน พร้อมด้วยอาหารเย็นที่เราได้จัดเตรียมไว้สำหรับคุณหนูๆ และกิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ด้วย นอกจากนั้น ยังได้รับของว่างและเครื่องดื่มไว้คอยต้อนรับ ผลไม้และดอกไม้ภายในห้องพัก เตียงเสริมสำหรับเด็กๆ ตลอดจนอาหารเช้าสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี และฟรีไอศกรีมซันเดย์สำหรับเด็กอีกด้วย ส่วนลด 20% สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม (ยกเว้นที่มินิบาร์ และการบริการอาหารในห้องพัก) รวมถึงยังสามารถ “ เลทเช็คเอ้าท์ ” ได้อีกด้วย

“มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน”

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน ร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดโครงการ “มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน” ครั้งที่ 2 ขึ้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวนอกฤดูกาลหรือ Green Season เป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศการท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนในช่วง Green Season ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน 2553 ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอนในช่วง 4 เดือนนี้ สามารถรับส่วนลดพิเศษ ตั้งแต่ 10 – 60 % และสิทธิพิเศษอื่นๆ จากผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่เข้าร่วมโครงการฯ

นายชาญวิทย์ นาคะสุวรรณ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานแม่ฮ่องสอนเปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากในช่วงฤดูหนาว แต่แท้จริงแล้ว จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังมีศักยภาพและความพร้อมในการที่จะรองรับและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในทุกฤดูกาล โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบความงามตามธรรมชาติของผืนป่า อันเขียวขจี ทิวทัศน์อันสวยงาม นาขั้นบันไดที่ปกคลุมด้วย ไอหมอกฤดูฝนทำให้จังหวัดแม่ฮ่องสอนฤดูฝนมีความสวยงามไม่แพ้ฤดูหนาว นักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางมาสัมผัสความเป็นธรรมชาติ ความเขียวสดชื่นของแม่ฮ่องสอน กิจกรรมการท่องเที่ยวแบบผจญภัย อาทิเช่น ล่องแก่งแม่น้ำปาย การเรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของชนเผ่าต่าง ๆ ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอนกำหนดโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลหรือ Green Season ขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดย ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ได้รับความร่วมมือและ การสนับสนุนจากหน่วยงานและผู้ประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยวสาขาต่าง ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมให้ส่วนลดราคา ที่พัก และรายการนำเที่ยว รวมถึงการรับของที่ระลึกจาก ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ภายใต้เงื่อนไข 3+2 กล่าวคือ การร่วมใช้บริการจากสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ 3 แห่งในอำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า อำเภอขุนยวม อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย ร่วมกับการใช้บริการจากสถานประกอบการในอำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อีก 2 แห่ง รวมเป็น 5 แห่ง พร้อมกับประทับตราที่คูปองด้านหลังคู่มือ Green Season แม่ฮ่องสอน เงื่อนไขดังกล่าวภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 นี้ เท่านั้น

ททท.สำนักงานแม่ฮ่องสอน ขอเชิญชวนท่านเข้าร่วมสัมผัสธรรมชาติของจังหวัดแม่ฮ่องสอนฤดูฝนกับโครงการ “มหัศจรรย์สีเขียว เที่ยวแม่ฮ่องสอน” สามารถรับคู่มือได้ที่ ททท.สำนักงานสาขาในประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร.053 – 612982 – 3 www.travelmaehongson.org

ชม"ว่านเพชรหึง"ราชาแห่งกล้วยไม้ที่สวนพฤกษ์

องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอเชิญทุกท่านมาสัมผัสความสวยงามอันหน้ามหัศจรรย์ของ “ว่านเพชรหึง” กล้วยไทยที่มีลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก โดยเปิดให้เข้าชมตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ณ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เป็นแหล่งอนุรักษ์และรวบรวมพันธุ์กล้วยไม้ไทยที่หายากและใกล้สูญพันธุ์นานาชนิด รวมถึง “ว่านเพชรหึง” กล้วยไทยที่มีลำต้นใหญ่ที่สุดในโลก ดอกออกเป็นช่อ ยาวได้ถึง 2 เมตร กลีบดอกพื้น สีเหลืองหม่น และมีประสีน้ำตาลแกมม่วงกระจายทั่วกลีบ หากดูไปแล้วสีสันของดอก ดูคล้ายกับลายเสือดาว จึงมีชื่อสามัญว่า “Tiger Orchid” ซึ่งในขณะนี้กำลังชูช่อดอก รอให้ทุกท่านได้เข้ามาสัมผัสความสวยงามที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้าง โดยทุกท่านสามารถเข้าชมได้ทุกวัน

 
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ 0-5384-1234 และ www.qsbg.org

ล่องเรือชมโลมาอิรวดี ที่แหลมกลัด จ.ตราด

แหลมกลัดตั้งอยู่ทางทิศใต้ของตัวเมืองตราด มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขาเลียบชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทย ประชาชนตั้งบ้านเรือนอยู่กระจัดกระจายในพื้นที่ มีสิ่งที่เป็นจุดเด่น คือ หาดลานทราย เป็นชายหาดที่มีลักษณะเป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล มีเม็ดทรายขาวละเอียด บริเวณหน้าหาดน้ำไม่ลึกมาก สามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน จากแหลมกลัดสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของแหลมศอกได้

การชมโลมา


โลมาที่พบในอ่าวแหลมกลัด เป็นโลมาชนิดหัวบาตร พันธุ์อิระวดี จะเข้ามาหากินปลาทูบริเวณชายฝั่งของแหลมกลัด เนื่องจากช่วงนี้จะมีปลาทูมาศัยอยู่มากในบริเวณนี้ โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม จะพบเห็นโลมาเป็นฝูง ๆ ละประมาณ 5 – 10 ตัว บางฝูงก็จะมีลูกมาด้วย ส่วนโลมาปากขวดนาน ๆ จะว่ายเข้ามาให้เห็น

การเดินทางออกไปชมจะต้องนั่งเรือออกไปจากฝั่งประมาณ 2 – 3 ไมล์ทะเลก็จะได้พบเห็นโลมาซึ่งนักท่องเที่ยวอาจใช้บริการเรือประมง เรือเร็ว หรือเรือขนาดเล็กไปเที่ยวชมได้โดยไม่มีอันตราย เนื่องจากอยู่ใกล้ฝั่ง และมีเกาะช้างบังกระแสลม ทำให้คลื่นไม่แรง สำหรับการชมปลาถ้าต้องการให้ปลาเข้ามาใกล้เรือควรมีเหยื่อปลาทูสดติดไปด้วย เพื่อให้โลมาว่ายมากินเหยื่อใกล้เรือ ข้อดีก็คือ ไม่ต้องออกเรือวิ่งตามปลา ใบจักรเรืออาจทำอันตรายต่อปลาได้ และไม่ทำให้ปลาตกใจจากการชม แต่ข้อเสีย ก็คืออาจทำให้โลมาเคยตัวจากการให้อาหาร และอาจมีความขัดแย้งกับชาวประมงที่จับปลาทูในบริเวณนั้น


เรื่องการระวังรักษาความปลอดภัย ทางเทศบาลได้ดำเนินการออกกฎเทศบัญญัติของเทศบาลในเรื่องการให้บริการการชมปลาโลมา อาทิ เรื่องเสื้อชูชีพ เรื่องการจอดเรือชมปลาโลมา เป็นต้น ส่วนเรื่องการอนุรักษ์ เทศบาลแหลมกลัดและชาวประมงในพื้นก็จะต้องช่วยกันดูแล เพื่อให้โลมาอยู่คู่กับชาวแหลมกลัด มิให้สูญพันธุ์ไปเหมือนกับปลาพยูนที่เคยอาศัยอยูในพื้นที่ของแหลมกลัด


การให้บริการและการติดต่อเพื่อการชมโลมา


ติดต่อเทศบาลแหลมกลัด โทร.039 584233, 089 9361198 หรือ นายอดิศร จันทะวัน เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของเทศบาลแหลมกลัด โทร. 08 7774 1299 เวลาที่เหมาะสมในการไปชม คือ เวลา 08.00 – 10.00 น. อัตราค่าบริการท่านละ 400 บาท กลุ่มละ 8 คนต่อเรือ 1 ลำ นอกจากนี้ในตอนเย็น 18.00 น.ก็จะมีบริการนั่งเรือชมป่าชายเลน ยามค่ำชมหิ่งห้อย คิดค่าบริการท่านละ 200 บาท ต่อ 6 ท่าน เรือ 1 ลำ



การเดินทางไปแหลมกลัด


แหลมกลัดอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดตราด ประมาณ 32 กิโลเมตร ไปทางทิศใต้ตามถนนสายตราด - อ.คลองใหญ่ แล้วเลี้ยวขวาเข้า ต.แหลมกลัด มีรถยนต์โดยสารทุกวัน การคมนาคมสะดวกสบาย

 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม


ททท.สำนักงานตราด 100 หมู่ 1 ถ.ตราด-แหลมงอบ ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด โทร. 0 3959 7259-60 อีเมล: tattrat@tat.or.th

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมผจญภัยบนเส้นสลิง ที่ทองผาภูมิ

กิจกรรม Iyara Flying ( การผจญภัยบนเส้นสลิง )


 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ภูไอยรา รีสอร์ทจัดกิจกรรมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยเหนือขีดจำกัด พร้อมสัมผัสมุมมองที่แตกต่างระดับยอดเขา กิจกรรม Iyara Flying คือ การเดินทางท้าทายความสูงด้วยสลิง เพื่อทดสอบความกล้า ท้าทายความกลัว ด้วยอุปกรณ์ที่ได้มาตราฐานระดับสากลทุกชิ้นที่นิยมใช้กันทั่วโลก พร้อมทีมงานมืออาชีพที่ผ่านการเรียนและฝึกมาอย่างเชี่ยวชาญคอยดูแล


การผจญภัยมีทั้งหมด 11 ฐาน


1. โหนรอกข้ามหุบเขา ระยะทาง 130 เมตร (Zip Line ) บนระดับความสูง 290 เมตร จากระดับน้ำทะเล (ความเสียวระดับ 5 ความเร้าใจระดับ 5)


2. เดินสะพานไม้ซิกแซ๊กที่แขวนไว้บนเส้นสลิงค์ (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


3. เดินสะพานไม้แบบขวางแกว่งไปมาบนเส้นสลิงค์ (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


4. เดินสะพานไม้แนวตะแคง ที่ร้อยด้วยเชือกผูกติดกับสลิงค์ (ความเสียวระดับ 4 ความยากระดับ 4 )


5. ไต่เชือกตาข่าย (Spider) (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


6. สะพานเชือก 360 องศา (ความเสียวระดับ 2 ความยากระดับ 4-5)


7. ไต่เชือกตาข่าย (Spider) (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


8. กระโดดภูเขาโหนรอกไปยังต้นไม้สูงกว่า 80 เมตร (Sky Jumping) (ความเสียวระดับ 5 ความเร้าใจระดับ 5)


9. โหนรอกข้ามหุบเขาเพื่อเปลี่ยนต้นไม้ ระยะทาง 100 เมตร (Zip Line) (ความเสียวระดับ 5 ความเร้าใจระดับ 5)


10. ไต่บันไดลิง (ความเสียวระดับ 3 ความยากระดับ 3)


11. โหนรอกข้ามหุบเขาในความสูงกว่า 80 เมตร ระยะทาง 140 เมตร (Zip Line) เพื่อกลับมายังจุดเริ่มต้น (ความเสียวระดับ 5 ความเร้าใจระดับ 5)



นอกจากนี้ยังพบกับกิจกรรมผจญภัยมากมายอาทิ ผจญภัยฝ่าสายน้ำห้วยปากคอก แคมปิ้งที่แคมป์ช้าง ผจญภัยเส้นทาง ATV แคมปิ้งที่น้ำโจน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3468 5632 หรือ www.phuiyararesort.com

งานวันเกิด ครบรอบ 51 ปี ข้าวหอมมะลิ

งานวันเกิด ครบรอบ 51 ปี ข้าวหอมมะลิ



วันที่ 25 พฤษภาคม 2553


ณ บึงพลาญชัย จังหวัดหวัดร้อยเอ็ด


ขอเชิญร่วมงาน Happy Birthday ข้าวขาวดอกมะลิจังหวัดร้อยเอ็ด

นายธวัชชัย ฟักอังกูร ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้กำหนดจัดงาน “วันเกิด ครบรอบ 51 ปี ข้าวหอมมะลิ” ขึ้นในวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 ณ บึงพลาญชัย จังหวัดหวัดร้อยเอ็ด เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้น
ข้าวหอมมะลิ หรือข้าวขาวดอกมะลิ เป็นพันธ์ข้าวที่คณะกรรมการพิจารณาข้าวมีมติ เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2502 ประกาศเป็นพันธุ์ข้าวที่แนะนำและส่งเสริมให้ปลูกในพื้นที่ต่างๆ ทำให้เกษตรกรในจังหวัดร้อยเอ็ดนิยมปลูก และสร้างรายได้กว่า 9 พันล้านต่อปี ดังนั้น จังหวัดร้อยเอ็ดจึงได้จัดงานวันเกิดครบรอบ 51 ปี เพื่อประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิร้อยเอ็ดให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยในงานประกอบด้วย การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 101 รูป การมอบเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิ การแสดงนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับข้าวหอมมะลิ การแสดงศิลปวัฒนธรรม การจำหน่ายข้าวหอมมะลิ และรับประทานข้าวหอมมะลิ – ไข่เจียวฟรี


จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมชมงานดังกล่าวได้ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 ณ บึงพลาญชัย อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ประชาสัมพันธ์จังหวัดร้อยเอ็ด โทรศัพท์ 043 – 527117, 043 – 515374


อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม


เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวสบายๆ ชายทะเลสัตหีบ ฉบับนี้ก็มาต่อกันอีกสักหน่อยสำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่ของทหารเรือบริเวณฐานทัพเรือสัตหีบและใกล้เคียง สำหรับครอบครัวที่พาเด็กๆไปเที่ยวไปพักผ่อน ผมอยากจะแนะนำให้แวะไปเที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ซึ่งตั้งอยู่ภายในหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจด้านอนุรักษ์เต่าทะเลของกองทัพเรือมายาวนานมาตั้งแต่ พ.ศ.2493 โดยพื้นที่เกาะต่างๆในความรับผิดชอบของกองทัพเรือ ที่ไม่มีประชาชนอาศัยอยู่เช่นเกาะคราม และเกาะอื่นๆ ซึ่งยังคงมีความเป็นธรรมชาตินั้นเป็นที่วางไข่ของเต่าทะเล ในอดีตจะมีชาวประมงขึ้นไปลักลอบเก็บไข่เต่าขึ้นมาขาย ทำให้จำนวนของเต่าทะเลตามธรรมชาติลดลง และหากรอดเหลือจากการลักลอบเก็บ ไข่เต่าทะเลก็ยังเสี่ยงที่จะตกเป็นอาหารของตะกวดและสัตว์อื่นๆ เพื่อเป็นการช่วยให้เต่าทะเลเหลือรอด ทางกองทัพเรือจึงจัดเจ้าหน้าตรวจตราดูแล และทำการเก็บไข่เต่าจากหลุมทรายในธรรมชาติขึ้นมาฟักในหลุมทรายในพื้นที่ปลอดภัย เพื่ออนุบาลให้ลูกเต่าที่เกิดมาแข็งแรงแล้วปล่อยคืนกลับสู่ท้องทะเล


บริเวณศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลจะมีอาคารนิทรรศการที่จัดแสดงเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของเต่าทะเล และยังมีบ่ออนุบาลเต่าทะเล ซึ่งมีเต่าทะเลชนิดต่างๆ มีตั้งแต่ตัวเล็กจิ๋วไปจนถึงเต่าทะเลตัวขนาดใหญ่ ไว้ให้เด็กๆและผู้สนใจได้เข้าไปเที่ยวชมอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางกองทัพเรือเขาเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันส่วนใครจะบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเป็นเงินทุนซื้ออาหารให้เต่าทะเลก็สามารถหยอดที่ตู้รับบริจาคได้ตามอัธยาศัย

พื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติอีกแห่งของกองทัพเรือที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปเที่ยวชมก็คืออุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่ทางใต้ของอำเภอสัตหีบ อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะแสมสาร ห่างจากฝั่งราว 9 กิโลเมตร ลักษณะของเกาะมีรูปทรงคล้ายกับตัว H มีโค้งอ่าวสองด้านโค้งเข้าหากัน ด้านหนึ่งเป็นหาดทรายขาวสวยงาม เหมาะสำหรับการเล่นน้ำและดำน้ำดูปะการัง ส่วนอีกด้านเป็นหาดกรวดหินไม่สามารถเล่นน้ำได้ เกาะขามแห่งนี้ทางกองเรือป้องกันฝั่ง ได้จัดทำโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเลและดำเนินโครงการอุทยานใต้ทะเลพื้นที่สัตหีบและบริเวณใกล้เคียง โดยกำหนดพื้นที่บริเวณเกาะขามขึ้นเป็นเป้าหมายแรก ด้วยเกาะขามเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมเพราะอยู่ไม่ไกลจากฝั่ง ท้องทะเลรอบๆเกาะก็มีปะการังและสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ สามารถจะเปิดให้ประชาชนเข้าไปเที่ยวชมศึกษาธรรมชาติ และเข้าร่วมในกิจกรรมดูแลรักษาธรรมชาติใต้ท้องทะเลได้สะดวก

กิจกรรมเที่ยวชมอุทยานใต้ทะเลเกาะขามนั้นทางกองเรือป้องกันฝั่งได้จัดบริการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แบบไปกลับในวันเดียว ไม่อนุญาตให้พักค้างแรมคืนบนเกาะ โดยจะจำกัดนักท่องเที่ยวไม่เกินวันละ 300 คน คิดค่าบริการคนละ 200 บาท ค่าบริการนี้จะรวมค่าเรือไปกลับ ค่านั่งเรือท้องกระจกชมปะการัง ค่าชูชีพ ค่าเก้าอี้ผ้า ห้องสุขาและห้องอาบน้ำจืด ชมธรรมชาติ พรรณไม้ ทัศนียภาพบนเกาะ โดยไม่รวมค่าอาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งจะมีร้านค้าบริการบนเกาะ โดยนักท่องเที่ยวสามารถลงเรือได้ที่ท่าเรือเขาหมาจอ ตำบลแสมสาร เรือเที่ยวแรกจะออกจากท่าเรือเวลา 9.00 น. และกลับจากเกาะเที่ยวแรกเวลา 13.00 น. กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บนเกาะขามนั้นอาจจะมีการงดเว้นในบางวันที่น้ำทะเลลงจัด ซึ่งจะทำให้อ่าวด้านหน้าของเกาะมีระดับน้ำตื้นเกินไป เรือไม่สามารถจะพานักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้สะดวก และการเล่นน้ำทะเลหรือดำน้ำดูปะการังในวันที่น้ำลงจัดนั้น อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดอันตรายจากการสัมผัสปะการัง หรือหอยเม่นขึ้นได้ และการท่องเที่ยวอุทยานใต้ทะเลเกาะขามนั้นจะมีเวลาเปิดให้เที่ยวชมอีกไม่กี่วันก็จะปิดเกาะในช่วงฤดูมรสุม เพื่อเปิดโอกาสให้ธรรมชาติได้พักตัว โดยจะปิดการเที่ยวชมตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายนนี้ไปจนถึงเดือนสิงหาคม จึงจะเปิดให้สามารถท่องเที่ยวได้อีกครั้ง ท่านที่สนใจสามารถจะเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็ปไซต์ของกองทัพเรือที่ www.navy.mi.th/nac1/kham

วิเคราะห์ SWOT จังหวัดประจวบคีรีขันธ์



วิเคราะห์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  SWOT

จุดแข็ง (S)
จุดอ่อน (W)
S1  ทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เหมาะสม มีทางออกทั้งสองฝั่งติดทะเลง่ายต่อการเดินทาง
S2  ทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์เหมาะสม สามารถเดินทางติดได้ง่ายและสะดวกทั้งภาคใต้ และภาคกลาง
S3  มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมและมีชื่อเสียงทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ เช่น ชายหาดหัวหิน
S4  มีเทศกาลประจำปีที่โดดเด่นมีชื่อเสียงเป็นที่นิยม เช่น หัวหิน แจ๊ส เฟสติวัล
S5  มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย ที่ยังคงความสมบูรณ์ในเรื่องของทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็น ถ้ำ น้ำตก ทะเล ป่าชายเลน เดินป่า อุทยาน วนอุทยาน
S6  มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญ คือ อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติประเภทชายฝั่งทะเลแห่งแรกของประเทศไทย
S7  มีเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกหลากหลายให้เลือกเดินทาง ทั้ง ทางรถไฟ  สนามบิน ทางน้ำ และทางถนน
S8  มีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย ทั้งทาง ธรรมชาติ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม  การเกษตร หัตถกรรม สุขภาพ
S9  มีภูมิปัญญาชาวบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น เครื่องประดับจากกะลามะพร้าว  ผลิตภัณฑ์สับปะรด
S10 เป็นจังหวัดที่สงบ มีความปลอดภัย
S11 มีหน่วยงานให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว รวมถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางการท่องเที่ยวอยู่ตลอด
S12 มีความพร้อมในด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ
W1  การจัดการภายในแหล่งท่องเที่ยวยังไม่ดีพอ
W2  มีสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลฝั่งดันดามันในภาคใต้ที่สวยงามกว่า
W3  เกิดช่องว่างการกระจายรายได้ในเขตอำเภอหัวหิน และ พื้นที่อื่น
W4  ขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะและความรู้ที่ดีด้านภาษา
W5  ปัญหาความยากจนและคุณภาพชีวิตของชาวชนบท
W6  สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวทำให้เกิดความเสื่อมโทรม
W7  การบริหารจัดการทรัพยากรทางการท่องเที่ยวไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม
W8  เทคโนโลยีด้านการแพทย์ที่ไม่ทันสมัยของโรงพยาบาลในเขตชุมชน
W9  ปัญหาเรื่องขยะและมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม











โอกาส (O)
อุปสรรค (T)
O1  การเปิดเส้นทางการบินกรุงเทพ- หัวหิน ของสายการบินโลคร์อสต่างๆ
O2   นโยบายภาครัฐที่สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงชุมชน และการให้ความสำคัญของรัฐที่มีต่อการพัฒนา “ทุนของชุมชน”
O3  รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระดับชุมชน
O4  การเปิดสาขาการท่องเที่ยวในสถานศึกษาสายอาชีพในจังหวัด
O5  การให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีในการพัฒนาชุมชนของภาครัฐบาล
O6  การเพิ่มขึ้นของศักยภาพทางการแข่งขันด้านการค้า
O7  การขยายตลาดการค้าและการลงทุน
O8  การให้ความสำคัญและการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมดั่งเดิมของชาวบ้าน
O9  แนวโน้มการท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพ และนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเกิดการเรียนรู้มากขึ้น
O10  การได้รับรางวัลด้านความสามารถต่างๆของนักเรียน นักศึกษา สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

T1  การผันผวนของราคาสินค้า และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
T2  เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง
T3  การเคลื่อนย้ายแรงงานในภาคอุตสาหกรรมการบริการ และการเกษตร
T4  มีงบประมาณในการพัฒนาที่จำกัด และต้องเลือกพื้นที่ที่จำเป็นที่สุดในการพัฒนา
T5  ภาวการณ์แข่งขันทางเศรษฐกิจที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
T6  การรับวัฒนธรรมตะวันตกของประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น
T7  การความนิยมท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นจากกระแสทางสังคม และความบันเทิง
T8  ภาวะโลกร้อน
T9 ทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อเริ่

TOWS

กลยุทธ์จุดแข็ง – โอกาส (S-O)
กลยุทธ์จุดอ่อน – โอกาส (W-0)
-                    จัดทำแผนพัฒนาชุมชนที่มีประสิทธิภาพ (S9,S10,S11,O2,O3)
-                    จัดการถ่ายทอดออกอากาศผ่ายสื่อต่างๆในเทศกาลที่มีชื่อเสียงและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด (S3,S4,S7,S11,S12,O2,O5,O6,08,010)
-                    ส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน ( S10,S11,O1,O2,O3)
-                    สร้างสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับทรัพยากรในจังหวัด (S5,S6,S8,S11,06,07,09)
-                    เจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น(S5,S6,S11,O4,O5,O6,O7,O9)
-                    ส่งเสริมการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ชุมชนกับภาคเอกชน
(S11,S12,O4,O5,O6,O7)
-                    จัดการฝึกอบรมผู้ประกอบการแหล่งท่องเที่ยวระดับชุมชน ในเรื่องบริหารจักการแหล่งท่องเที่ยว (W1,W4,W7,O7)
-                    ประชุมเพื่อหาแนวทางการจัดรูปแบบการท่องเที่ยวที่เน้นทำกิจกรรมในชุมชนแต่ละชุมชนให้นานขึ้น (W3,W5,O2,O3,O9)
-                    สำรวจแหล่งท่องเที่ยว พร้อมกับการพัฒนาและฟื้นฟู (W6,W7,W9,O9)



กลยุทธ์จุดแข็ง – อุปสรรค (S-T)
กลยุทธ์จุดอ่อน – อุปสรรค (W-T)
-                    จัดการรณรงค์ผ่านโครงการสร้างจิตสำนึกรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น รวมถึงทรัพยากรทางสังคมและวัฒนธรรม ด้วยรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และยั่งยืน (T9,T6,T7,S3,S4)
-                    เน้นการร่วมเครือข่ายธุรกิจชุมชนให้มากขึ้น เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชน และลดความรุนแรงจากภาวการณ์แข่งขันทางเศรษฐกิจ (S11,S12,T1,T3,T5)
-                    ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนจากทรัพยากรทางธรรมชาติ และขยะ(W7,W9,T9,T8)
-                    วางแผนการสร้างการค้าขายของที่ระลึกในแหล่งชุมชนต่างๆ ระหว่างแหล่งท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน (W3,W5,T4,T5)

นางสางเกศสุดา   เอี้ยงใจดี 501231001
นางสาวกรรณิการ์  ยองคำ 501231011